ไม่พบผลการค้นหา
ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ปลดล็อก 'นอนแบงก์ต่างชาติ' กู้ได้มากกว่า 7 เท่าของส่วนทุน มีผลถึง 30 มิ.ย.2566 หวังเพิ่มสภาพคล่องนอนแบงก์ดูแลลูกค้าสินเชื่อรายย่อยช่วงโควิด-19

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประจำวันนี้ (29 ก.ค.2563) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราส่วนทุนกับเงินกู้ที่จะใช้ในการประกอบธุรกิจแก่ผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่มิใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) จากเหตุระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ 

โดยมีสาระสำคัญคือ ไม่นำเงื่อนไขอัตราส่วนทุนกับเงินกู้ที่จะใช้ในการประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 43 พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 มาใช้บังคับผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) ที่ได้รับสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง และได้นำสินเชื่อนั้นไปช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 

ทั้งนี้ เงื่อนไขที่ระบุไว้ ณ ปัจจุบัน ในกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดอัตราส่วนทุนกับเงินกู้ที่จะใช้ในการประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ฉบับที่2 (พ.ศ.2516) ระบุว่า "เงินกู้ทั้งสิ้นที่จะใช้ในการประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาตต้องไม่เกิน 7 เท่าของเงินทุนส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น"

นางสาวรัชดา ยังกล่าวด้วยว่า ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเป็นการผ่อนปรนเงื่อนไขฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 30 มิ.ย.2566 และได้ผ่านการเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลนอนแบงก์เรียบร้อยแล้ว โดย ธปท.มีความเห็นว่า การผ่อนปรนดังกล่าวจะสามารถช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ขัดกับหลักการของแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่ 3

ทั้งนี้ ที่มาของร่างกระทรวงดังกล่าวเกิดจากสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย ขอให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์พิจารณาผ่อนผันอัตราส่วนเงินทุนให้แก่สมาชิกของสมาคมที่เป็นธุรกิจต่างด้าว โดยให้มีอัตราส่วนเงินทุนต่อเงินกู้เกินกว่าที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงถึงเดือนมีนาคม 2565 เป็นการชั่วคราว เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มสมาชิกของสมาคมที่เป็นผู้ประกอบการให้เช่าซื้อรถยนต์ และเป็นผู้ประกอบธุรกิจนอนแบงก์ ซึ่งได้ให้ความช่วยเหลือผู้เช่าซื้อด้วยการผ่อนผันการชำระหนี้ตามที่ ธปท.ร้องขอ

ขณะที่ มติ ครม.เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2563 ได้เห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขสำหรับผู้ประกอบธุรกิจนอนแบงก์ภายใต้มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม จากการระบาดโควิด-19 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อให้ธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนอนแบงก์ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยของแต่ละบริษัทโดยการผ่อนปรนเงื่อนไขสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลลิสซิ่ง เช่าซื้อ เช่าซื้อรถจักรยานยนต์และสินเชื่อทะเบียนรถให้แก่ประชาชน

พร้อมกันนี้คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้ประชุมครั้งที่ 6/2563 เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2563 พิจารณาและมีมติเห็นชอบแนวทางในการตรากฎกระทรวงเพื่อไม่นำเงื่อนไขอัตราส่วนทุนกับเงินกู้ที่จะใช้ในการประกอบธุรกิจมาใช้บังคับกับนิติบุคคลต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงินและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เห็นชอบผลการพิจารณาแนวทางดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2563 เพื่อช่วยลดผลกระทบจากการที่นอนแบงก์ได้รับสินเชื่อและได้ช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยให้ได้รับการผ่อนปรนเงื่อนไขในช่วงการระบาดของโควิด-19 กระทรวงพาณิชย์จึงเสนอร่างกฎกระทรวงดังกล่าว