ไม่พบผลการค้นหา
ซูเปอร์โพล เผยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ พอใจให้ นายกฯ อยู่ต่อ ร้อยละ 80.1 ยังไม่เห็นใครเหมาะสมเท่า

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ราษฎรพอใจลุงตู่ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,191 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 2–4 ธันวาคม พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา

เมื่อถามถึง เรื่องราวต่างๆ ที่กลุ่มราษฎรพอใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำต่อไป หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินกรณีบ้านพักทหาร พบว่า อันดับแรกที่เป็นส่วนใหญ่

  • ร้อยละ 86.4 ระบุ เรื่อง การศึกษาของเด็กและเยาวชน กองทุนเสมอภาคการศึกษา
  • ร้อยละ 85.2 ระบุ เรื่อง มลพิษและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาคูคลองให้สะอาดเป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้ชุมชน
  • ร้อยละ 84.6 ระบุ เรื่อง การค้ามนุษย์
  • ร้อยละ 83.5 ระบุ เรื่อง ยาเสพติด
  • ร้อยละ 83.4 ระบุ เรื่อง เศรษฐกิจของประเทศ
  • ร้อยละ 83.3 ระบุ เรื่อง ภัยพิบัติต่าง ๆ
  • ร้อยละ 83.2 ระบุ เรื่อง ปากท้อง เศรษฐกิจ ฐานราก
  • ร้อยละ 82.1 ระบุเ รื่อง อาชญากรรม ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของ ราษฎร
  • ร้อยละ 78.6 ระบุ เรื่อง ตอบสนองความต้องการกลุ่มย่อยๆ ใน ม็อบ เช่น สิทธิของกลุ่ม LGBTQ เด็ก สตรี และคนกลุ่มน้อย ต่างๆ
  • ร้อยละ 76.4 ระบุ เรื่อง โควิดระบาดรอบใหม่ ตามลำดับ

ที่น่าสนใจ คือ เมื่อถามความเห็นของกลุ่มราษฎร ต่อนักการเมืองที่บริสุทธิ์ เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในสถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.1 ระบุ ไม่มี

ขณะที่ ร้อยละ 19.9 ระบุว่า มี เช่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ นายสุทิน คลังแสง เป็นต้น

ที่น่าพิจารณา คือ เมื่อถามความต้องการของ กลุ่มราษฎร ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ผู้นำเหล่าทัพ ผู้นำฝ่ายปกครอง ไปกางเต้นท์สนาม บัญชาการ ซ่อมแซมฟื้นฟูเยียวยา ความทุกข์ยาก เดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติ ในพื้นที่ที่เสียหายให้กลับสู่ปกติสุขโดยเร็วที่สุด พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.5 ต้องการ ในขณะที่ เพียงร้อยละ 5.5 ไม่ต้องการ

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องตอบสนองความต้องการของกลุ่มราษฎรที่นายกรัฐมนตรีต้องถือธงนำในการจัดการประเทศในมิติทางสังคมเพื่อฟื้นฟูเยียวยาตอบโจทย์ตรงเป้าความต้องการของกลุ่มราษฎรควบคู่ไปกับมิติด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจเพื่อรักษาความเชื่อมั่นและความพึงพอใจอย่างรวดเร็วฉับไวด้วยข้อมูลที่วิเคราะห์จิต พิชิตใจ ตอบสนองที่เป็นรูปธรรมกุมหัวใจทุกกลุ่มเป้าหมายมากกว่าใช้วาทกรรมทางการเมืองที่กลุ่มราษฎรจับต้องไม่ได้ จึงเสนอให้นับจากวันนี้ไป เรื่องราวของกลุ่มราษฎรในมิติทางสังคม เช่น การปฏิรูปศึกษา กองทุนเสมอภาคการศึกษา ยาเสพติด ค้ามนุษย์ มลพิษและสิ่งแวดล้อม และสาธารณสุขของประชาชนน่าจะโดดเด่นขึ้นด้วยพลังสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายกลุ่มพลเมือง (Civil Society) ผ่านกลไกจิตอาสาทั้ง 77 จังหวัด ของประเทศ ผลที่ตามมาคือ เสาหลักของชาติน่าจะได้รับการเสริมความแข็งแกร่งจากกลุ่มราษฎรมากขึ้นไปอีกได้ไม่ยากนัก