ไม่พบผลการค้นหา
โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศรางวัล 'ข่าวปลอมแห่งปี' ทั้งหมด 10 ข่าวจาก 6 สำนักข่าว แต่สื่อหลายสำนักมองว่า ข่าวที่นายทรัมป์ยกขึ้นมาไม่ใช่การตั้งใจสร้างข่าวปลอม แต่เป็นการรายงานข่าวจากข้อมูลที่คลาดเคลื่อน

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศรางวัล 'ข่าวปลอมแห่งปี' ทั้งหมด 10 ข่าวจาก 6 สำนักข่าว ได้แก่ ซีเอ็นเอ็น / นิวยอร์ก ไทม์ส / วอชิงตัน โพสต์ / เอบีซี นิวส์ / นิตยสารนิวส์วีค และนิตยสารไทม์ พร้อมกล่าวว่า แม้จะมีสำนักข่าวที่คอร์รัปชันและไม่ซื่อสัตย์ แต่ก็ยังมีผู้สื่อข่าวที่ดีมากมายที่รายงานข่าวที่น่าภูมิใจสำหรับชาวอเมริกัน เช่น เรื่องที่กลุ่มก่อการร้ายไอเอสพ่ายแพ้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้น การลงทุนและตำแหน่งงานเริ่มกระเตื้องในสหรัฐฯ และอีกหลายข่าวที่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลกำลังทำให้สหรัฐฯ กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

สำนักข่าว ยูเอสเอ ทูเดย์ ระบุว่าข่าวส่วนใหญ่ที่นายทรัมป์ยกตัวอย่างขึ้นมา ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เป็นข่าวที่ไม่ตรงกับความจริง เช่น เอบีซี นิวส์รายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ได้สั่งให้นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงพบกับทูตรัสเซีย ตั้งแต่ที่นายทรัมป์ยังไม่ชนะการเลือกตั้ง แต่ที่จริงแล้ว นายทรัมป์ได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีแล้ว จึงทำให้นายไบรอัน รอส หัวหน้าทีมข่าวสอบสวนเรื่องนี้ต้องถูกพักงาน

ส่วนข่าวที่นายซีค มิลเลอร์ของนิตยสารไทม์รายงานว่า นายทรัมป์ได้นำรูปปั้นของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ออกจากห้องทำงานประธานาธิบดี ก็ไม่เป็นความจริง แต่เป็นเพราะช่างภาพยืนบังอยู่จึงมองไม่เห็น และยังมีข่าวที่ซีเอ็นเอ็นได้รับข้อมูลวันที่ที่คลาดเคลื่อน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์เข้าถึงอีเมลของพรรคเดโมแครตจากการแฮ็กข้อมูล ก่อนที่เว็บไซต์วิกิลีกส์จะนำมาเผยแพร่ ซึ่งที่จริงแล้ว เขาได้ข้อมูลมาจากการเผยแพร่ข้อมูลบนเว็บไซต์วิกิลีกส์

โดนัลด์ ทรัมป์

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในข่าวที่นายทรัมป์ระบุว่าเป็นข่าวปลอมแห่งปี เป็นบทความแสดงคิดเห็นของนายพอล ครุกแมน คอลัมนิสต์ของเดอะนิวยอร์ก ไทม์ส ที่คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะตกต่ำ หากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง แต่ตลาดหุ้นกลับพุ่งขึ้นทำลายสถิติ All time high

นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังกล่าวว่า การรายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่รัฐบาลรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 เป็นข่าวโคมลอยที่เลวร้ายสำหรับชาวอเมริกันอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ทีมสอบสวนพิเศษ นำโดยนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ ได้ยื่นฟ้องร้องทีมงานของนายทรัมป์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างน้อย 4 คนแล้ว รวมถึงนายฟลินน์ด้วย แม้จะไม่มีการเปิดเผยหลักฐานว่า นายทรัมป์มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม

สำนักข่าวยูเอสเอ ทูเดย์ระบุว่า คำว่า 'ข่าวปลอม' เกิดจากข่าวที่รัสเซียพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งด้วยการสร้างข่าวปลอมและปล่อยไปตามโซเชียลมีเดีย แต่นายทรัมป์ได้นำศัพท์คำนี้มาใช้พูดถึงการรายงานข่าวที่ทำให้เขาดูไม่ดี ดังนั้น ความหมายของคำว่า 'ข่าวปลอม' ของนายทรัมป์จึงไม่ได้มีความหมายเดิมตามที่สื่อเคยใช้

เช่นเดียวกับ สำนักข่าววอชิงตัน โพสต์ ที่ตอบโต้นายทรัมป์ว่า แม้ข่าวที่ยกขึ้นมาจะมีข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่ไม่ใช่การจงใจสร้างข่าวปลอมขึ้นมา เป็นการรายงานข้อมูลที่ผิดพลาด ซึ่งสำนักข่าวเหล่านั้นก็ได้แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องแล้วทันทีที่มีการตรวจสอบพบความจริง

เดิมที นายทรัมป์ระบุว่าเขาจะประกาศรางวัล 'ข่าวปลอมแห่งปี' ในวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา แต่การประกาศรางวัลก็ถูกเลื่อนออกมา โดยเขาเพิ่งมาถ่ายทอดการประกาศรางวัลในวันที่ 17 มกราคมตามเวลาท้องถิ่น บนเว็บไซต์ของคณะกรรมการพรรครีพับลิกัน แทนที่จะประกาศบนเว็บไซต์ของทำเนียบขาว เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมไม่มั่นใจว่า การใช้ทรัพยากรที่มาจากภาษีของประชาชนในการประกาศรางวัลนี้จะเป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่

ปฏิกิริยาจากสำนักข่าว

สำนักข่าวที่ถูกกล่าวหาว่า รายงาน 'ข่าวปลอม' ต่างออกมาตอบโต้รางวัลของนายทรัมป์กันอย่างเผ็ดร้อน มีเพียงสำนักข่าว เอบีซี นิวส์เท่านั้นที่ไม่ได้รายงานข่าวนี้ หรือมีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ

สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น คู่ปรับอันดับหนึ่งของนายทรัมป์ ไม่ได้้รายงานข่าวเกี่ยวกับรางวัลดังกล่าวโดยตรง แต่ตอบโต้ด้วยบทความที่ระบุว่า นับตั้งแต่ที่นายทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เขาได้พูดคำว่า 'fake' มากกว่า 400 ครั้งแล้ว

ด้านสำนักข่าวเดอะนิวยอร์กไทม์สได้รายงานข่าวนี้อย่างละเอียด พร้อมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข่าวที่นายทรัมป์ยกขึ้นมา อีกทั้งยังเขียนแคปชั่นบนเฟซบุ๊กเสียดสีนายทรัมป์ว่า นายทรัมป์ผู้เชื่อข่าวปลอมมาโดยตลอด ต้องการจะพูดกับชาวอเมริกันเกี่ยวกับการรายงานข่าวที่ถูกต้อง โดยนิวยอร์กไทม์สพาดพิงถึงกรณีที่นายทรัมป์มักจะถามกระทบกระเทียบนายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดี ว่าเป็นชาวอเมริกันโดยกำเนิดจริงหรือไม่ ทั้งที่ข้อมูลซึ่งกล่าวหาว่านายโอบามาไม่ได้เกิดในสหรัฐฯ และไม่มีคุณสมบัติเป็นประธานาธิบดี ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง

สำนักข่าวเดอะ วอชิงตัน โพสต์ได้เขียนบทความตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ 'ข่าวปลอมแห่งปี' ของนายทรัมป์ พร้อมระบุว่า นายทรัมป์ไม่เคยยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเอง และยังเคยพูดเรื่องเท็จหรือข้อมูลที่ทำให้ผู้ฟังเข้าใจผิดมากกว่า 2,000 ครั้งแล้ว

ขณะที่นิตยสารนิวส์วีคได้รายงานข่าวว่า นิตยสารของตนได้รางวัล 'ข่าวปลอมแห่งปี' มาในอันดับ 8 และพวกเขาก็รู้สึกภาคภูมิใจมากด้วย

แม้นิตยสารไทม์จะไม่ได้ออกมาตอบโต้นายทรัมป์หลังการประกาศรางวัล แต่ไทม์ได้ลงบทความไปก่อนการประกาศรางวัลแล้วว่า พิธีกรรายการ เดอะ เลท ไนท์ โชว์ วิพากษ์วิจารณ์รางวัลนี้ของทรัมป์อย่างไรบ้าง

เรียบเรียงโดย ประภาภูมิ เอี่ยมสม