ไม่พบผลการค้นหา
ครบรอบ 1 ปี 'ทหารเกาหลีเหนือ' ฝ่ากระสุนปืนของพวกเดียวกันข้ามเขตมายังเกาหลีใต้ ชี้ คนรุ่นใหม่วัย 20 ปีกว่าๆ ไม่ได้จงรักภักดีต่อผู้นำสูงสุดเหมือนคนรุ่นก่อน พร้อมปฏิเสธข่าวที่รัฐบาลเกาหลีเหนือระบุว่าเขาหนีข้ามฝั่งเพราะก่อคดีฆาตกรรม

โอชงซง อดีตทหารเกาหลีเหนือแปรพักตร์ วัย 25 ปี ตกเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว เพราะเป็นทหารไม่กี่คนที่หลบหนีจากเกาหลีเหนือข้ามเขตปลอดทหารมาเกาหลีใต้ ทั้งยังเป็นช่วงเวลากลางวัน ทำให้เขาถูกทหารเกาหลีเหนือระดมยิงไล่หลังมาอีกหลายนัดจนได้รับบาดเจ็บ

ล่าสุด โอชงซงให้สัมภาษณ์ 'ซันเคย์ชิมบุน' สื่อญี่ปุ่น เพื่อบอกเล่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเกาหลีเหนือหลังครบ 1 ปีที่เขาหนีมาอยู่เกาหลีใต้ พร้อมปฏิเสธข่าวที่สื่อเกาหลีเหนือรายงานว่าเขาหลบหนีเพราะก่อเหตุฆาตกรรม แต่ยืนยันว่าเขาตัดสินใจหลบหนีข้ามฝั่งหลังจากดื่มเหล้าเพราะมีปัญหากับเพื่อน ทั้งยังระบุว่า เข้าใจความรู้สึกและไม่โกรธเพื่อนทหารที่ระดมยิงใส่เขาในขณะที่กำลังหลบหนี โดยให้เหตุผลว่า ถ้าใครไม่ยิงจะโดนลงโทษอย่างหนัก และถ้าเขาเป็นคนที่อยู่ตรงนั้นจะทำแบบเดียวกัน

โอชงซงระบุด้วยว่า เขาได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าคนทั่วไป เพราะเป็นลูกชายนายพล จึงได้รับตำแหน่งพลขับให้แก่นายทหารระดับสูง และก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นตำรวจ จึงยอมรับว่าตำรวจเกาหลีเหนือ รวมถึงตัวเขาเอง มักจะใช้อำนาจรีดไถหรือรับเงินสินบนจากประชาชนทั่วไป

ขวดเสบียง ขวดพลาสติก เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้

(ชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่พำนักในเกาหลีใต้ บรรจุข้าวสารและยูเอสบีที่มีข้อมูลเกี่ยวกับโลกภายนอกใส่ในขวดพลาสติกโยนลงทะเล โดยคาดหวังว่าขวดดังกล่าวจะลอยไปถึงประชาชนเกาหลีเหนือที่อยู่อีกฝั่ง)

อย่างไรก็ตาม การได้รับข่าวสารจากรัฐบาลอย่างซ้ำๆ ว่าสหรัฐอเมริกาจะโจมตีเกาหลีเหนือ ทำให้รู้สึกเครียดและกดดัน เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจหลบหนี เพราะรู้ดีว่าการมีชีวิตในเกาหลีใต้จะดีกว่าอยู่ในเกาหลีเหนือ พร้อมกล่าวอีกว่า คนรุ่นใหม่อายุประมาณ 20 ต้นๆ ราว 80 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้รู้สึกจงรักภักดีต่อคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นผู้นำรุ่นที่ 3 ที่สืบทอดอำนาจต่อจากบิดาและปู่ของตัวเอง

"ในเกาหลีเหนือ คนทั่วไป โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ๆ รู้สึกเฉยๆ กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองหรือเรื่องผู้นำ ไม่ค่อยมีความรู้สึกว่าจงรักภักดีสักเท่าไหร่"


"ก็เป็นธรรมชาติที่เราจะไม่อยากสนใจ หรือรู้สึกจงรักภักดีอะไร เพราะระบอบอำนาจนั้นได้มาจากการสืบทอด ทั้งที่จริงๆ แล้ว ประเทศไม่สามารถที่จะเลี้ยงดูผู้คนอย่างดีได้ด้วยซ้ำไป" โอชงซงกล่าว


เมื่อปีที่แล้ว โอชงซงถูกยิง 5 นัดระหว่างหลบหนี และทหารเกาหลีใต้ช่วยดึงตัวเขาเข้ามาในเขตปลอดภัยทางฝั่งใต้ได้สำเร็จ จากนั้นจึงได้เรียกเฮลิคอปเตอร์นำตัวเขาไปส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง และแพทย์เกาหลีใต้รักษาเขาอย่างเต็มที่จนฟื้นตัวได้ในที่สุด

AFP-เกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้-รวมชาติเกาหลี-นิวเคลียร์-มุนแจอิน-คิมจองอึน-เปียงยาง

(มุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ (ซ้าย) และคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ (ขวา) ลงนามยอมรับข้อตกลงความร่วมมือผลักดันให้เกิดกระบวนการสันติภาพระหว่างเกาหลีทั้งสองฝ่ายเมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมา)

อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้เรื่องของโอชงซงกลายเป็นข่าวใหญ่ เพราะแพทย์เกาหลีใต้พบ 'พยาธิ' จำนวนมากในร่างกายของเขา ถึงขั้นที่ส่งผลกระทบต่อการผ่าตัดเอากระสุนออกจากช่องท้อง และเป็นภาพสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่ได้มาตรฐานด้านสุขอนามัยของชาวเกาหลีเหนือ

โอชงซงระบุว่า การใช้ปุ๋ยคอกใส่ผลผลิตทางการเกษตรเป็นเรื่องปกติในเกาหลีเหนือ ทำให้ประชาชนเกือบทั้งหมดมีพยาธิอยู่ในร่างกาย แต่คนที่ขาดอาหารหรือสุขภาพไม่แข็งแรงจะไม่ค่อยมีปัญหานัก เพราะพยาธิจะไม่อยู่ในร่างกายผู้ที่ขาดสารอาหาร ส่วนกรณีของเขา ถือว่ามีชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างดีกว่าคนทั่วไป แต่เขาก็ต้องพักฟื้นนานหลายเดือน กว่าแพทย์จะปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลก็ประมาณเดือน ก.พ. 2561 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ช่วง 1 ปีที่โอชงซงหลบหนีมายังเกาหลีใต้ มีความเปลี่ยนแปลงที่ถูกมองว่าเป็นสัญญาณสันติภาพที่ดีระหว่างฝั่งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เพราะมีการพูดคุยกันระหว่างผู้นำเกาหลีทั้งสองฝ่ายเป็นครั้งแรกเมื่อเดือน เม.ย. รวมถึงมีการพูดคุยกันเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีเหนือระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ เมื่อเดือน ก.ค. ที่ประเทศสิงคโปร์

ที่มา: CNN/ Economist/ Guardian

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

โอชงซงทหารเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่กลายเป็นข่าวใหญ่เมื่อเดือน พ.ย.2560 เพราะหนีข้ามฝั่งมายังเกาหลีใต้กลางวันแสกๆ และโดนยิง 5 นัดจนเกือบตาย