แม้ทุกฝ่ายจะค่อนข้างมั่นใจว่าพรรคประชาชนกัมพูชาหรือ CPP ของนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 29 ก.ค.นี้อย่างแน่นอน เพราะพรรคฝ่ายค้านที่เป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้ออย่างพรรคกู้ชาติกัมพูชาหรือ CNRP ถูกศาลสั่งยุบพรรคไปตั้งแต่ปลายปี 2017 แล้ว แต่ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง นายฮุน เซนก็ยังสัญญาว่าจะทำเพื่อประชาชนชาวกัมพูชา หากเขาได้อยู่ในอำนาจต่ออีก 1 สมัย โดยสำนักข่าว Asian Correspondent ได้รวบรวมคำสัญญาที่สำคัญ 4 ข้อของนายฮุน เซนต่อประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 15 ล้านคนไว้ ดังนี้

1. รักษาสันติภาพและความมั่นคงของประเทศชาติ

สำนักข่าว Khmer Times รายงานว่า ระหว่างการปราศรัยในงานฉลองที่ปราสาทพระวิหารได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก นายฮุน เซนได้ให้สัญญาว่าจะรักษาสันติภาพตามแนวชายแดนกัมพูชา เพื่อให้กัมพูชาพัฒนาเป็นประเทศที่มั่งคั่ง โดยเขาระบุว่า ที่ผ่านมา กัมพูชาปรับปรุงทั้งเรื่องการพัฒนาและความร่วมมือ เปลี่ยนสนามรบ ให้กลายมาเป็นสนามการค้าและพื้นที่แห่งความเจริญ พร้อมยกตัวอย่าง ปมพื้นที่พิพาทปราสาทพระวิหารบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เคยมีการปะทะกันระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ แต่ปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่เจริญแล้ว

นายฮุน เซนไม่ได้สัญญาเพียงเรื่องความมั่นคงระหว่างประเทศ แต่ยังรวมถึงความ “สงบสุข” ภายในประเทศด้วย เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา นายฮุนเซนเพิ่งประกาศชัยชนะที่สามารถกำจัดพรรค CNRP ไปได้ โดยระบุว่า หากรัฐบาลไม่ดำเนินคดีกับกบฏที่พยายามโค่นล้มรัฐบาล ปัจจุบัน กัมพูชาอาจอยู่ในภาวะสงครามแล้ว

ตำรวจกัมพูชา 4,625 นายก็เพิ่งสวมเสื้อกันกระสุนและถือปืนไรเฟิลออโตเมติก ออกมาแสดงความพร้อมรักษาความปลอดภัยประจำหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ ทำให้หลายฝ่ายมองว่าการแสดงความเข้มแข็งของเจ้าหน้าที่ ถือเป็นการส่งสัญญาณไปถึงฝ่ายต่อต้านรัฐบาลว่าทางการกัมพูชาพร้อมจะปราบปรามผู้ประท้วงในวันการเลือกตั้ง และวันอื่นๆ หลังจากที่พรรค CPP ได้เป็นรัฐบาลอีก 1 สมัย ขณะเดียวกัน ทหารและตำรวจกัมพูชาหลายคนก็ช่วยกันหาเสียงให้กับพรรครัฐบาลของนายฮุน เซน แม้กฎหมายจะระบุว่าเจ้าหน้าที่ของกองทัพต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง

2. ส่งเสริมการศึกษา

สำนักข่าว Channel News Asia รายงานว่า 1 ใน 3 ของประชากร 15 ล้านคนมีอายุต่ำกว่า 30 ปี จึงเป็นเหตุผลที่นายฮุน เซนพยายามจูงใจคนรุ่นใหม่ให้เลือกพรรครัฐบาล ด้วยการเพิ่มงบประมาณอัดฉีดเข้าไปในระบบการศึกษาที่ค่อนข้างอ่อนแอ โดยเขากล่าวว่า เขาต้องการให้มีโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในทุกอำเภอ มีโรงเรียนมัธยมตอนต้นในทุกตำบล และมีโรงเรียนประถมศึกษาในทุกหมู่บ้าน

ปีนี้ รัฐบาลกัมพูชาทุ่มเงินลงไปกับการศึกษาไว้ถึง 850 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้งบประมาณเพื่อการศึกษาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็น 1 ใน 4 ของการใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐ

นอกจากนี้ นายฮุน เซนมักเดินทางไปร่วมพิธีจบการศึกษาต่างๆ พร้อมสัญญาว่ากับคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่กังวลเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองในประเทศที่พึ่งพาแรงงานทักษะต่ำว่า เมื่อเรียนจบแล้ว พวกเขาจะได้งานที่ดี

3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงานและเพิ่มค่าแรง

รัฐบาลกัมพูชาประกาศจะช่วยเหลือเงินประมาณ 6,100 บาทให้กับแรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอที่คลอดบุตร ให้สวัสดิการรักษาฟรีแก่แรงงานทุกคน ตั้งโครงการประกันการทำงานของข้าราชการ และกำหนดเกณฑ์การเก็บภาษีใหม่สำหรับเกษตรกร นอกจากนี้ พรรครัฐบาลยังประกาศนโยบายการขึ้นเงินเดือนในภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่ทหารไปจนถึงแรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอ และจะปรับการจ่ายค่าตอบแทนข้าราชการเป็นรายปักษ์แทนเงินเดือน

สำนักข่าว VOA Cambodia รายงานว่า ช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา นายฮุน เซนจัด “การประชุม” กับแรงงานในโรงงานทอผ้า 49 ครั้ง โดยแจกเงินให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมคนละ 5 ดอลลาร์ พร้อมทิ้งท้ายว่า เขาจะจัดการประชุมเช่นนี้ต่อไปอีก 10 ปี หากเขายังได้เป็นรัฐบาลต่อ ซึ่งทำให้หลายฝ่ายวิจารณ์ว่านายฮุน เซนนำงบประมาณรัฐมาซื้อเสียง

แรงงานในอุตสาหกรรมสิ่งทอถือเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรค CNRP และเป็นกลุ่มที่ออกมาต่อต้าน���ัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง ทำให้พรรครัฐบาลพยายามจูงใจให้แรงงานหันมาเลือกพรรครัฐบาล ขณะเดียวกันก็กดดันนายจ้างในอุตสาหกรรมสิ่งทอออกกฎเกณฑ์บังคับไม่ให้แรงงานบอยคอตการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะจะสะท้อนว่าพรรครัฐบาลกลับมาเป็นนัฐบาลอย่างไม่สมศักดิ์ศรี

4. ลดค่าไฟฟ้า

ชาวกัมพูชาส่วนมากวิจารณ์ว่า ค่าไฟฟ้าในปัจจุบันสูงเกินไป ประมาณ 25 บาทต่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง หรือเกือบ 5 เท่าของค่าไฟฟ้าของสิงคโปร์ กัมพูชาจึงถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ค่าไฟฟ้าแพงที่สุดในโลก นายฮุน เซนจึงพยายามจูงใจให้คนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยการสัญญาว่าจะลดค่าไฟฟ้า หากได้เป็นรัฐบาลอีกสมัย ซึ่งอาจด้วยลดค่าไฟฟ้าไปได้ประมาณร้อยละ 40 แต่ก็อาจทำให้รายได้ของรัฐบาลหายไปถึง 1,300 ล้านบาทต่อปี

พลังงานไฟฟ้าของกัมพูชาถูกผูกขาดโดยบริษัท Electricite du Cambodge ของรัฐเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น และชาวกัมพูชามักวิจารณ์ว่านอกจากค่าไฟฟ้าจะสูงลิ่วแล้ว บริษัทดังกล่าวยังไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอด้วย ขณะเดียวกันหลายพื้นที่ของกัมพูชาก็ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่นายฮุน เซนประกาศว่า ภายในปี 2020 ทั่วประเทศจะต้องมีไฟฟ้าใช้

ที่มา : Asian Correspondent, Channel News Asia