ไม่พบผลการค้นหา
ศาลตัดสินจำคุก เปรมศักดิ์ เพียยุระ – เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ คดีแก้ผ้านักข่าวเป็นเวลา 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา พร้อมคุมตัวส่งเรือนจำทันที

ศาลจังหวัดพล จ.ขอนแก่น มีคำสั่งนัดพิพากษาในคดีดำเลขที่ อ.1519/60 ในข้อหาอนาจารและความผิดต่อเสรีภาพ ระหว่างฝ่ายโจทย์ คือพนักงานอัยการจังหวัดพล กับ นายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในฐานะโจทก์ร่วม กับฝ่ายจำเลย คือ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และ ว่าที่ ร.ต.บัวทอง โลขันธ์ อดีต เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ที่ห้องพิจารณาคดี 2 ชั้น 2 ศาลจังหวัดพล โดยที่ฝ่ายโจทก์ และ ฝ่ายจำเลย ได้เดินทางมารายงานตัวต่อศาลตามคำสั่งก่อนที่จะเดินขึ้นไปในห้องพิจารณาคดีทันที

โดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลจังหวัดพล ใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษาประมาณ 1 ชั่วโมง สรุปว่า นพ.เปรมศักดิ์ และ ว่าที่ ร.ต.บัวทอง จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดฐานกระทำอนาจารและความผิดต่อเสรีภาพ จึงมีโทษจำคุกเป็นเวลา 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งทันทีที่องค์คณะผู้พิพากษาอ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ ตำรวจศาลได้เข้าทำการควบคุมตัว นพ.เปรมศักดิ์ และ ว่าที่ ร.ต.บัวทอง ไปในห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาบริเวณชั้นล่างของศาล เพื่อให้เจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์มารับตัวไปทำการคุมขัง ตามคำสั่งศาลทันที

นายปกาญจน์ นพศรี ทนายฝ่ายโจทก์ กล่าวว่า คดีความดังกล่าวใช้เวลาในการดำเนินคดีมานานเกือบ 2 ปี ซึ่งต้องขอบคุณกระบวนการยุติธรรมของไทย ที่ได้ทำความจริงให้ปรากฏและนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษในครั้งนี้ ซึ่งคดีความดังกล่าวเป็นคดีความที่ประชาชนให้ความสนใจทั้งประเทศ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2559

"การตัดสินจำคุก นพ.เปรมศักดิ์ และ ว่าที่ ร.ต.บัวทอง ครั้งนี้ศาลท่านให้เหตุผลว่า จำเลยที่ 1 และ 2 นั้นมีหน้าที่การงานที่ดี มั่นคง เป็นผู้นำท้องถิ่น และเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวกับผู้อื่นอีก อีกทั้งเพื่อให้เป็นตัวอย่างต่อสาธารณชน ทั้งนี้ศาลได้วิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานเป็นผู้สื่อข่าว 5 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ใกล้ชิด มีการให้การที่สอดคล้องต่อเนื่องเป็นเหตุเป็นผล และไม่มีเรื่องโกรธแค้นกับจำเลยทั้ง 2 อีกทั้งไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีคู่แข่งทางการเมืองอยู่เบื้องหลังโจทก์ร่วมเพื่อกำจัดให้พ้นจากตำแหน่งตามที่ฝ่ายจำเลยกล่าวอ้าง การกระทำของจำเลยทั้ง 2 เป็นการกระทำกรรมเดียวแต่ผิดหลายมาตรา ให้ลงโทษในมาตราที่มีอัตราโทษสูงสุดเป็นเวลา 2 เดือน ทั้งนี้จำเลยเคยดำรงตำแหน่ง ส.ส.4 สมัยและได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ซึ่งเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติ ที่ต้องครองตนเป็นตัวอย่างแก่สังคมแต่กลับทำเรื่องเสื่อมเสียร้ายแรวงเพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบไม่เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนทั่วไป ศาลจึงพิพากษาจำคุก 2 เดือนโดยไม่รอลงอาญา โดยในการตัดสินดังกล่าวฝ่ายโจทก์เคารพและน้อมรับคำสั่งศาล ส่วนการจะยืนอุทธรณ์ของฝ่ายจำเลยนั้นเป็นสิทธิ์ที่จำเลยกระทำได้” นายปกาญจน์ กล่าว

ขณะที่นายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในฐานะโจทก์ ร่วม กล่าวว่า ดีใจที่ศาลให้ความยุติธรรม และให้เป็นคดีตัวอย่างเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของสื่อมวลชน