นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นว่า การย้ายพรรคของอดีต ส.ส. เป็นเรื่องปกติทุกครั้งก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งการตัดสินใจย้ายพรรคมีหลากหลายเหตุผล แต่อย่างไรก็ตามจำนวน ส.ส. ของแต่ละพรรคที่ย้ายออกจะไม่ค่อยมากเท่ากับ ส.ส. เก่าส่วนมากยังอยู่พรรคเดิม

การย้ายพรรคน่าจะแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ 1. ย้ายสังกัดพรรคอื่น เพราะอุดมการณ์สอดคล้องกัน หรือ ย้ายออกไปจัดตั้งพรรคขึ้นมาใหม่ตามอุดมการณ์ของตน และ 2. ย้ายเพราะพลังดูด โดยได้รับผลประโยชน์ต่างตอบแทนรูปแบบต่างๆ ทั้งทางตรง และทางอ้อม ผลประโยชน์ที่ได้รับอาจเป็นตำแหน่งหน้าที่ทางการเมือง หรือ การช่วยเหลือทางธุรกิจ การช่วยเหลือเรื่องคดีความต่างๆ รวมถึงการอุดหนุนปัจจัยให้โดยตรง

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ขณะนี้มีอดีต ส.ส. แจ้งความจำนงลาออกจากพรรคเพียง 3 ราย คือ นายสกลธี ภัททิยกุล, นายชื่นชอบ คงอุดม, และนายธานี เทือกสุบรรณ แต่อดีต ส.ส. ส่วนมากเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังสมัครใจทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป รวมทั้งยังมีคนรุ่นใหม่ที่สนใจจะลงสมัครในเขตพื้นที่ต่างๆ และมีแรงสนับสนุนจากนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ คนทำงานภาคประชาสังคมจากหลากหลายภาคส่วน ดังนั้นการลาออกของ อดีต ส.ส. จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ยุคใหม่แต่อย่างใด

ส่วนเรื่องการยืนยันสมาชิกพรรคที่ผ่านมานั้น ขณะนี้พรรคกำลังตรวจสอบข้อมูลเอกสารของสมาชิกที่มายืนยันการเป็นสมาชิกประมาณ 103,000 คน อย่างรอบคอบ เพื่อนำส่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน คือภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 ตามที่กฎหมายบัญญัติ ทั้งนี้นายองอาจ กล่าวว่า แม้จะมีสมาชิกที่ยืนยันความเป็นสมาชิกน้อยลงมาก แต่ผู้ที่ไม่ได้มายืนยันสมาชิกต่างก็ยืนยันว่าจะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์อย่างมั่นคงตลอดไป

อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์กำลังรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเนื้อหาสาระของคำสั่ง คสช. ที่ 53 / 2560 ว่าเป็นการลิดรอนสิทธิ์ของสมาชิกพรรค และเพิ่มภาระให้กับสมาชิก และมีระยะเวลาดำเนินการกระชั้นชิด เป็นการสร้างภาระให้แก่พรรคการเมืองเกินสมควรหรือไม่ ถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นไปตามที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นคำร้อง ก็อาจทำให้สมาชิกพรรคมีสถานะคงเดิม ไม่ต้องหมดจากสมาชิกภาพเพราะไม่ได้มายืนยันสมาชิกแต่อย่างใด