ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรียันไม่สังกัดพรรคการเมือง แต่ยังไม่ขอให้คำตอบรับเป็นนายกรัฐมนตรี อีกหรือไม่ ชี้อดีต ส.ส.แห่ซบ พปชร. เหตุอุดมการณ์ตรงกัน เมินนิด้าโพลชี้ 'สุดารัตน์' คะแนนนิยมแซงตัวเอง ขณะที่รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ย้ำ พปชร. ไม่ช่วยเหลือคดีให้นักการเมือง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงการตัดสินใจให้พรรคการเมือง เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครทาบทามมีแต่สื่อที่ทาบทามทุกวัน เรื่องนี้ตอบไปแล้วว่าไม่จำเป็นจะต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด และได้พูดคุยกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายแล้วว่า ไม่ต้องสมัครสมาชิกพรรคการเมือง ส่วนจะตัดสินใจรับเป็นนายกรัฐมนตรีให้พรรคการเมืองใดต้องไปดูในข้อกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในใจแต่ไม่ขอตอบว่าตัดสินใจแล้วหรือไม่ ซึ่งการตัดสินใจของจะเต็มร้อยไม่มีกั๊ก 

ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐว่า เป็นเรื่องของการตัดสินใจของอดีต ส.ส. ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทุกคนที่ย้ายมาเพราะอุดมการณ์ทางการเมืองตรงกัน ประชาชนต้องเรียนรู้ระบบการเลือกตั้ง บนหลักการและเหตุผลเอายุทธศาสตร์ชาติเป็นตัวตั้ง ถ้าพรรคใดทำเช่นนี้ก็จะประสบความสำเร็จ แต่ถ้าทำอย่างอื่นตนก็จนใจ ตนไม่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบไม่ได้ วันหน้าพอแก้ไขและปฏิรูปไม่ได้ ก็จะโยนกลับมาที่ตนว่าเสียของ สรุปแล้วโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง

นายกรัฐมนตรี ระบุถึงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของนิด้าโพล ระบุความนิยมในตัวพล.อ.ประยุทธ์ ลดลง และมีความนิยมน้อยกว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับผลโพล เพราะการทำโพล มีขั้นตอน และมีเป้าหมายในการสอบถามความเห็นประชาชน และเห็นว่า เป็นการสอบถามความเห็นจากประชาชนเพียง 2-3 พันคนเท่านั้น ไม่ใช่ความเห็นของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน การนำเสนอผลสำรวจ จะต้องดูจุดประสงค์ในการตั้งคำถาม และกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการจัดทำจะมีเบื้องหลังหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวให้ความสำคัญกับความเข้าใจของประชาชนมากกว่า

'ประวิตร' ยัน พปชร. ไม่ช่วยคดีให้ใครได้

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ ถูกมองว่าใช้คดีความเป็นเงื่อนไขให้นักการเมืองย้ายมาสังกัดพรรค โดยยืนยันว่าไม่รู้เรื่องการต่อรองดังกล่าว 

ส่วนที่นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ บุตรชายของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่าตัดสินใจลาออกจากพรรคเพื่อไทยมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ เพราะคดีความของพ่อ พล.อ. ประวิตร ปฏิเสธว่าไม่ทราบเรื่องดังกล่าว อาจจะความเห็นไม่ตรงกันกับผู้นำคนเก่า พร้อมยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐไม่สามารถช่วยใครให้หลุดจากคดีความได้ ต้องไปพูดกันที่ศาล จะมาพูดอะไรกับตนเอง ยืนยันว่าแม้จะมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ จะไม่มีอะไรคุ้มครอง เขาโดนคดีจะมาเกี่ยวอะไรกับเรา รัฐบาลไม่ได้เป็นศาลและไม่สามารถไปคุมศาลได้ ทุกอย่างว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม

"แม้ว่าพรรคการเมืองนี้จะประกาศตัวสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ รัฐบาลนี้ก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับพรรคพลังประชารัฐ เป็นเรื่องของตัวรัฐมนตรีทั้ง 4 คนที่เป็นกรรมการบริหารพรรค และยืนยันว่าตอนนี้พรรคพลังประชารัฐไม่มีทหารเป็นแกนนำพรรค มีแต่พลเรือนทั้งหมด ส่วนทหารจะเข้ามาทางแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร ก็บอกว่า เป็นเรื่องของพรรคกับ พล.อ.ประยุทธ์" พล.อ.ประวิตร กล่าว 

นอกจากนี้ พล.อ. ประวิตร ยังกล่าวถึงผลสำรวจความเห็นประชาชนของนิด้าโพล ที่พบว่าประชาชนสนับสนุนให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีอันดับหนึ่ง แซงหน้า พล.อ. ประยุทธ์ ซึ่งเคยอยู่อันดับหนึ่งมาโดยตลอด พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ต้องไปถามนิด้าโพล แต่เวลาที่ พล.อ. ประยุทธ์ ขึ้นอันดับหนึ่ง ไม่มีสื่อมาถามเลย ส่วนจะสะท้อนว่าความนิยมของ พล.อ. ประยุทธ์ ลดลงหรือไม่ เห็นว่า นิด้าโพลสำรวจจากคนแค่ 1,200 คน คนไทยมีตั้ง 70 ล้านคน พร้อมย้ำว่า เรายังไม่เคยพูดถึงโพลตอนที่ พล.อ. ประยุทธ์ ได้คะแนนนำ และยืนยันว่า ฝ่ายความมั่นคงไม่เคยทำโพลลักษณะนี้ เพราะไม่ได้เล่นการเมือง ถ้าจะทำโพลก็ทำเรื่องว่าจะเกิดความขัดแย้งในสังคมหรือไม่ดีกว่า พร้อมย้ำว่า ผลโพลดังกล่าวไม่ทำให้ คสช. หวั่นไหว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง