ไม่พบผลการค้นหา
วงเสวนา 'ก่อนวันพิพากษา' กรณีศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาจะรับฟ้องหรือไม่ ภายหลังศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่รับฟ้อง จากคดี 'กลุ่มพลเมืองโต้กลับ' เป็นโจทย์ยื่นฟ้องคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ข้อหาร่วมกันเป็นกบฎ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113

ในวงเสวนาที่จัดขึ้นค่ำวันที่ 20 มิ.ย. ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา มีผู้ร่วมเสวนา ประกอบไปด้วย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเกรียน โดยมีประชาชนร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

นายปิยะบุตร กล่าวว่า การฟ้องคณะรัฐประหารโดยประชาชน ฐานความผิดมาตรา 113 ในประเทศไทยเกิดขึ้นมาแล้ว 4 ครั้ง แต่ทุกครั้งที่ผ่านมาศาลใช้ 2 วิธีในการอธิบายว่าผู้ฟ้องไม่ใช่ผู้เสียหายหรือมีการนิรโทษกรรมไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะไปที่เริ่มต้นที่ชั้นตำรวจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าดำเนินการ เพราะคณะทหารเป็นผู้กุมอำนาจ และจะเห็นได้ว่าศาลคือผู้ตัดสินว่าการยึดอำนาจที่ผ่านมาสำเร็จหรือไม่

ปิยบุตร แสงกนกกุล

(ปิยบุตร แสงกนกกุล)

ขณะที่ การยุติวงจรรัฐประหาร นายปิยะบุตรเสนอว่าต้องมีการทำประชามติและล้างรัฐธรรมนูญที่เขียนมาเพื่อปกป้องการทำรัฐประหาร โดยการประกาศให้การนิรโทษกรรมเป็นโมฆะ และต้องมีการดำเนินคดีกับผู้นำการยึดอำนาจรัฐประการ ขณะเดียวกันในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 ต้องแก้ไขและบัญญัติว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคือผู้เสียหายต่อการทำรัฐประหาร

ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่มีการยึดอำนาจส่งผลให้การพัฒนาประเทศสะดุด ขณะที่งบประมาณของชาติมีจำนวน แต่กองทัพกลับสิ้นเปลืิองไปกับการใช้จ่ายในการซื้อยุทโธปกรณ์ต่างๆ ทำให้เงินที่ควรอยู่ในประเทศถูกใช้จ่ายออกไป

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้วงจรรัฐประหารหายไปจากประเทศไทย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่าสมมติผมเป็นผู้พิพากษา ที่ตอนปี 2557 ได้ออกคำสั่งและกฎหมายต่างๆ ผมถือว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นกบฎ เพราะขณะนั้นยังไม่มีการคุ้มครอง ก่อนที่จะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ

เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส

(พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส)


"คุณออกมาประกาศยึดอำนาจ ในคือหลักฐานปรากฎต่อสาธารณชน แล้วว่าคุณคือกบฎ ถ้าผมเป็นผู้พิพากษาผมตัดสินไปแล้ว"พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุ

ด้านนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ให้ความเห็นว่าสิ่งที่ตนยืนยันคือการไม่ยอมรับอำนาจรัฐฐาธิปัตย์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และทุกการยึดอำนาจที่เกิดขึ้น 

ขณะเดียวกัน นายสมบัติ กล่าวถึงกรณีถูกควบคุมตัวหลังการรัฐประหารว่า มีนายทหารได้มาพูดคุย โดยเขาบอกว่าเราควรให้โอกาส พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศ ถ้าไม่พอใจค่อยออกมาเคลื่อนไหวก็ไม่สาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 4 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าคำพูดนั้นเป็นความล้มเหลว


"สำหรับคนที่ให้โอกาสพล.อ.ประยุทธ์ ขอถามว่า 4 ปีที่ผ่านมาพอหรือยัง ขณะที่บรรดาลิ่วล้อของพล.อ.ประยุทธ์ มักจะออกมาเชิดชูพล.อ.ประยุทธ์ ผมจึงขอใช้คำเปรียบเปรยคนเหล่านี้ เหมือนนำยาขัดรองเท้าของพล.อ.ประยุทธ์" นายสมบัติ กล่าว

ในส่วนการทำรัฐประหารครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ นายสมบัติ เห็นว่าการยึดอำนาจเป็นการสร้างชุดความคิดให้กับนายทหารรุ่นใหม่ ว่าเป็นช่องทางเข้าสู่อำนาจ และเชื่อว่านายทหารรุ่นใหม่ขณะนี้ บ่มเพาะสิ่งเหล่านี้ในความคิด

"4ปี ที่ผ่านมา ยังมีกลุ่มคนที่คิดว่าการที่ทหารออกมายึดอำนาจเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ และจะทำให้การรัฐประหารมีโอกาสขึ้นอีกครั้ง การรัฐประหารจะเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นเมื่อคณะที่ทำการยึดอำนาจถูกเอาผิด" บก.ลายจุดกล่าว

ทั้งนี้ ต่อให้คณะรัฐประหารไม่ถูกดำเนินคดี แต่ในความรู้สึกของประชาชน ได้ตัดสินแล้วว่าการทำรัฐประหารเป็นการกระทำที่ผิดแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :