ไม่พบผลการค้นหา
ดุสิตโพล เผยผลสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่กังวลความขัดแย้งแตกแยกทางการเมือง รองลงมาคือเรื่องการซื้อเรือดำน้ำ ขณะด้านเศรษฐกิจกังวลเรื่องหนี้สิน และด้านสังคมกังวลเรื่อง การทุจริตคอร์รัปชัน

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 1,727 คน เรื่อง ความวิตกกังวลของประชาชน ต่อ 'การเมือง เศรษฐกิจ สังคม'ณ วันนี้ สำรวจระหว่างวันที่ 25-28 ส.ค. 2563 พบว่า '5 อันดับ' ความวิตกกังวลของประชาชนที่มีต่อการเมือง 75.80% ระบุ การสร้างความขัดแย้งแตกแยกทางการเมือง รองลงมา 66.24% ระบุ การซื้อเรือดำน้ำ 59.81% ระบุ การคุกคามต่อประชาชน 58.89% ระบุ การชุมนุมประท้วง 54.37% ระบุ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ขณะ '5 อันดับ' ความวิตกกังวลของประชาชนที่มีต่อ 'เศรษฐกิจ' พบว่า 80.78% ระบุ หนี้สินของประชาชน รองลงมา 76.78% ระบุ สินค้าแพง 74.64% ระบุ การว่างงาน 67.52% ระบุ การส่งออกติดลบ 67.34% ระบุ การกินอยู่ยุคโควิด-19

ด้าน '5 อันดับ' ความวิตกกังวลของประชาชนที่มีต่อ“สังคม” พบว่า 83.56% ระบุ การทุจริตคอร์รัปชัน รองลงมา 64.16% ระบุ สุขภาพอนามัย (โควิด-19) 62.02% ระบุ การบูลลี่ (เหยียด/กลั่นแกล้ง/ข่มเหงรังแก) 61.69% ระบุ กระบวนการยุติธรรม (คดีบอส ) 55.88% ระบุ น้ำท่วม

ด้าน พรชณิตว์ แก้วเนตร  รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศและลูกค้าสัมพันธ์  ประธานหลักสูตรธุรกิจระหว่างประเทศ (ธุรกิจจีน-อาเซียน) มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ให้ความเห็นว่า จากผลการสำรวจของสวนดุสิตโพลในเรื่องความวิตกกังวลของประชาชนต่อการเมือง เศรษฐกิจ สังคม แสดงให้เห็นถึง 'อาการน่าเป็นห่วง' และ 'ปัญหารุมเร้า' ของรัฐบาล ข้อกังวลของประชาชนในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะส่งผลต่อความกังวลในอีกเรื่องหนึ่งเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความกังวลในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ข้อขัดแย้งทางการเมือง การซื้อเรือดำน้ำ ฯลฯ ยิ่งหันมามองตัวเลขความกังวลในด้านเศรษฐกิจยิ่งตอกย้ำความเป็นเรื่องเดียวกันในความรู้สึกของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นความกังวลในด้านหนี้สิน สินค้าราคาแพง และปัญหาการว่างงาน กล่าวโดยง่ายคือ ที่บ้านปากท้องยังไม่อิ่ม เจ้าหนี้ทวงหนี้อยู่หน้าบ้านแต่ผู้นำครอบครัวยังเอาเงินไปใช้จ่ายเพื่อการอื่น ความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง และตำหนิถึงความไม่มีประสิทธิภาพของผู้นำยิ่งตามมา

ตัวเลขจากผลสำรวจย้ำเตือนให้รัฐบาลควรออกมายอมรับความจริงเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ผลสำรวจสะท้อนเสียงของประชาชนว่า 'ต้องการการเปลี่ยนแปลง' ทั้งนี้ปัญหาต่างๆ ไม่เคยอยู่นิ่ง มีแต่จะพอกพูนทับทวีขึ้นเรื่อยๆ และความรู้สึกของประชาชนก็เป็นเสียงสะท้อนของ 'วิกฤตศรัทธาต่อรัฐบาล' อย่ารอให้ความวิตกกังวลก่อตัวและสะสมเป็นเชื้อเพลิงรอวันให้จุดติดอย่างทุกวันนี้ หากรัฐบาล 'ไวต่อความรู้สึกวิตกกังวลของประชาชน' ขยับให้เห็นอย่างรวดเร็วและชัดเจนถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาต่างๆ สื่อสารด้วยความจริงใจ เพื่อให้ประชาชนได้มีความหวังในการเห็นการชำระสะสางข้อวิตกกังวล เชื่อแน่ว่าประชาชนจะเข้าใจและยังไม่ถึงทางตันในอนาคตของรัฐบาลอย่างแน่นอน