พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ ผกก.ปพ.บก.ป. นำกำลังคอมมานโด จับ 'พระพุทธอิสระ' ที่วัดอ้อน้อย ตามหมายจับคดีกรรโชกทรัพย์ คาดเป็นกรณีกรรโชกทรัพย์1.2แสนบาท โรงแรมเอสซีปาร์ค แขวง วังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ในช่วงการชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. เมื่อช่วงปี พ.ศ. 2557 ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างนำตัวเข้ากองปราบปราม 

ขณะเดียวกันพล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม นำกำลังตำรวจกองปราบปราม และตำรวจ ปอท. กว่า 100 นาย พร้อมหมายศาลเข้าตรวจค้น และนำตัวพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคดีเงินทอนวัดประกอบด้วย วัดสามพระยา วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดสัมพันธวงศาราม วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม 

โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัว พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา เจ้าคณะกรุงเทพฯ และกรรมการมหาเถรสมาคม กับพระลูกวัด พระพุทธอิสระ วัดอ้อน้อย มาที่กองปราบปรามเพื่อสอบปากคำ หลังเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าว นอกจากนี้พระพุทธอิสระ ยังถูกแจ้งข้อหาอื่น อาทิปล้นทรัพย์ อั้งยี่ และซ่องโจร ด้วย

“ประวิตร” เชื่อ คุมพระผู้ใหญ่สอบเงินทอนวัด ไม่กระทบศรัทธาประชาชน

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกองปราบปรามเข้าตรวจค้นวัดชื่อดัง และนิมนต์พระชั้นผู้ใหญ่และนิมนต์พระชั้นผู้ใหญ่ไปสอบสวน ประกอบด้วย วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดสัมพันธวงศาราม และวัดสามพระยา ที่มีส่วนเกี่ยวข้องคดีทุจริตเงินทอนวัด เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด เบื้องต้นตนยังไม่ได้รับรายงานในรายละเอียดดังกล่าว และทราบเพียงว่า ไม่พบพระบางรูปที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวก็แค่นั้น และยังไม่ทรายว่าจะมีการเชิญพระชั้นผู้ใหญ่รูปอื่น เข้าไปให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจและ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือปปง. เป็นผู้ดำเนินการสอบสวน พร้อมยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการปราบรามการทุจริตของรัฐบาล เพราะเกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด

ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่กองปราบปราม ควบคุมตัวพระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ในคดีกรรโชกทรัพย์ โรงแรมเอสซีปาร์ค ในช่วงการชุมนุมกปปส.เมื่อปี 2557 พลเอกประวิตรกล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่จะทราบรายละเอียดหลังจากนี้ จึงต้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเป็นการตรวจสอบและจะไม่กระทบต่อแรงศรัทธาของประชาชน หากไม่มีความผิดก็ไม่เป็นไร แต่มีความผิด ก็ว่ากันไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทราบดีอยู่แล้ว ว่าต้องทำอย่างไร