ไม่พบผลการค้นหา
'กลุ่มประชาชนคนไทย’ เสวนา 7 ปี ความล้มเหลวของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ‘รศ.ดร.พิชาย’ แนะปัญหา 12 ประการของระบอบประยุทธ์ พร้อมเสนอให้ลาออก

ที่ร้าน N-Story Art Garden ‘กลุ่มประชาชนคนไทย’ จัดกิจกรรมประชาชนเสวนา ประเด็น ‘7 ปี ความล้มเหลวของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ โดยผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และบำรุง คะโยธา อดีตแกนนำสมัชชาเกษตรกรรายย่อย ภาคอีสาน

พิชาย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครองอำนาจ 7 ปี ถือเป็นนายกฯ ที่มีอำนาจมากที่สุดในบรรดานายกรัฐมนตรีของไทย นับเป็นฝันร้ายของประชาชนที่อยู่ภายใต้การบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ โดยพิชาย ได้สรุปภาพ 12 ประการในการทำหน้าที่รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ เช่น ระบอบประยุทธ์ เป็นการบ่อนทำลายประชาธิปไตยและริดรอนอำนาจของประชาชน ผ่านกลไกคือวุฒิสภาที่เปรียบเสมือนการขโมยอำนาจของประชาชน ซึ่งมาจาก คสช. ในการแต่งตั้งพวกพ้องตนเอง โดยผู้ถูกแต่งตั้งมีทัศนะเช่นเดียวกับผู้แต่งตั้ง อีกทั้งรัฐบาลยังถูกออกแบบมาเพื่อทำลายพรรคการเมืองให้ดูอ่อนแอลง ทำให้ผู้ใช้อำนาจสามารถรักษาอำนาจตนเองได้

พิชาย ยังระบุด้วยว่า รัฐธรรมนูญ ปี 2540 เป็นหมุดหมายแรกที่ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม และมีความกระตือรือร้น เหมือนประชาธิปไตยดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ระบอบประยุทธ์ได้รื้อฟื้นการรวมศูนย์อำนาจของรัฐราชการขึ้นมา ซึ่งเป็นระบอบที่ไร้ประสิทธิภาพไม่สามารถตอบสนองเศรษฐกิจการเมืองที่ซับซ้อนได้ ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเดิมได้ พร้อมกับการสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา เพื่อสร้างความอ่อนแอให้กับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ถือเป็นการปกครองระดับพื้นฐานของประชาชนที่ประชาชนสามารถเลือกตัวแทนมาเพื่อพัฒนาความเข้มแข็งในชุมชนได้ สำหรับประเด็นอื่นๆ เพิ่มเติมนั้น เช่น ระบอบดังกล่าวนี้เป็นระบอบการปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมอำนาจนิยมอย่างต่อเนื่อง มีการใช้กฎหมายจำกัดเสรีภาพของประชาชน รวมทั้งได้สืบสานและต่อยอดประชานิยม สร้างความอ่อนแอต่อระบบเศรษฐกิจและสวัสดิการสังคม พร้อมกับการสร้างความหมดหวังให้คนไทย อันเนื่องมาจากคนในประเทศมีความยากจนเพิ่มมากขึ้น

เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า อยากเสนอแนะแนวทางอย่างไรสำหรับพล.อ.ประยุทธ์ พิชาย ตอบว่า “ขอไม่เสนอเพราะ 7 ปีที่ผ่าน รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ล้มเหลวมาตลอด และไม่ได้พัฒนาอะไร อีกทั้งยังดึงอำนาจประชาชนมาใส่ในมือรัฐบาล ชอบแสร้งทำเหมือนแก้ปัญหา แต่จริงๆ แล้วไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย จึงเสนอให้ลาออกอย่างเดียว เพราะหากไม่ทำหน้าที่ของการเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ควรลาออกไปเป็นนายก อบต.”

ขณะที่ ธีระชัย เผยว่า 7 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประเทศเข้าสู่วิกฤติด้านการคลัง เพราะพล.อ.ประยุทธ์บริหารการคลังเพื่อการเมือง 3 วงจร ได้แก่ เพื่อผลประโยชน์ ผลประโยชน์เพื่อพวกพ้อง และผลประโยชน์ต่อพรรคการเมือง ซึ่งเครื่องมือหลักมาจากการทำประชานิยม ทำให้เกิดความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดวิกฤติการคลังในอนาคต นอกจากนี้ลักษณะการทำโครงการประชานิยม ยังทำเกินกว่ารายได้ของรัฐบาล สิ่งนี้จึงกลายเป็นตัวปัญหา เสมือนเป็นการทำประชานิยมโดยเอาเงินอนาคตมาใช้ ซึ่งรัฐต้องจำกัดวงเงินไม่ให้มากเกินไป ตนเองตั้งข้อสังเกตว่าการดำเนินการอย่างนั้น ไม่ได้แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย อีกทั้งยังมีการทำอภิมหาโครงการหลายโครงการ ส่งผลให้เกิดอำนาจผูกขาดในมือนักการเมือง และทำโดยอาศัยเงินกู้ จึงส่งผลในระยะยาว อย่างไรก็ตาม หนี้ที่เพิ่มขึ้นในยุคพล.อ.ประยุทธ์ มีมากกว่าหนี้ที่เกิดขึ้นช่วงของ 3 รัฐบาลก่อนหน้านี้ ได้แก่ รัฐบาลของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 

ด้าน บำรุง กล่าว่า ที่ผ่านมาโครงการของรัฐบาลมีความล้มเหลว และในท้องถิ่นมีกลไกกระจายอำนาจ ในฐานะเกษตรกร 7 ปี ที่ผ่านมามองว่าไม่มีการพัฒนาด้านการเกษตรแม้แต่น้อย เช่น ตลาดข้าวไทยที่ประสบกับความมืดมน เพราะมีต้นทุนสูงแต่ผลผลิตต่ำ และชาวบ้านทุกหมู่บ้านยังอยากให้มีการเลือกตั้ง อบต.ใหม่ เนื่องจากรัฐบาลนี้ไม่ได้ทำอะไรที่จริงจังจึงทำให้การปกครองท้องถิ่นหยุดชะงัก พร้อมเรียกร้องถึงคนไทยให้ทบทวนในสิ่งที่ระบอบประยุทธ์ กระทำแต่สิ่งตรงกันข้ามและอยากให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวจัดการกับระบอบประยุทธ์