พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยกล่าวหลังเข้าให้ปากคำ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กว่า 4 ชั่วโมง กรณีที่เคยยื่นร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ตรวจสอบการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับคุณสมบัติการยื่นเป็นผู้สมัคร ส.ส. ของสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ หลังจากยื่นเรื่องไว้ตั้งแต่เดือน ม.ค. โดยระบุว่า
ได้ให้การตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย รวมถึงข้อมูลจากการทำหน้าที่ในกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งสิระ ยอมรับว่าเคยต้องคำพิพากษาจำคุกของศาลแขวงปทุมวันเมื่อปี 2538 จากความผิดอาญาฐานฉ้อโกง และให้สิระคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายนั้น เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(10) แต่สิระ กลับมาลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยไม่ระบุว่าเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ถือเป็นการให้การเท็จ เพราะหากบอกว่าเคยต้องโทษ เจ้าหน้าที่ก็จะไม่ให้สมัคร
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เมื่อ กกต. พิจารณาแล้วว่าเป็นความผิด ก็จะส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากศาลฎีกาตัดสินว่าผิดศิระจะต้องโทษจำคุก 12 ปีตัดสิทธิ์การเมืองอีก 10 ปี
ส่วนกรอบเวลาเรื่องนี้มองว่า เป็นเรื่องการทำงานของแต่ละองค์กร กกต. ใช้เวลานานซึ่งเรื่องนี้ตนยื่นเข้าไปตั้งแต่เดือนมกราคม เมื่อเทียบกับกองบังคับการปราบปราม ที่ตนไปยื่นเรื่องคดียาเสพติดข้ามชาติของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทางกองปราบฯ เรียกสอบปากคำภายใน 5 วัน
สำหรับกรณีของสิระ ที่ตนยื่นกับ กกต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังมีเรื่องการสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของสิระ ซึ่งล้วนขาดคุณสมบัติทั้งสิ้น