27 เม.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นำหลักฐานการซื้อสิทธิ์ขายเสียงของผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 จ.สระแก้ว ของพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งมีการโอนเงินให้กับประชาชนเป็นจำนวน 3,000 บาท ลงวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา รวมถึงมีข้อความแชทไลน์ระบุว่า “เอาไว้ใช้” ซึ่งเมื่อตรวจสอบเลขที่บัญชีที่โอนพบว่า ตรงกับชื่อผู้สมัครดังกล่าว โดย ชูวิทย์ ระบุว่า ผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2566 จึงเร่งให้ กกต. ไปตรวจสอบบัญชีของผู้สมัครรายนี้

นอกจากนี้ ชูวิทย์ ยังเปิดเผยแชทไลน์ของ ผู้สมัคร ส.ส. ดีกรี ดร. รายหนึ่ง ของ จ.ลำพูน ที่มีการส่งข้อความไปยังรองหัวหน้าพรรคการเมือง เพื่อขอเงินสนับสนุนงบประมาณในการหาเสียง 3-5 ล้านบาท โดยหากไม่ได้เงินตามจำนวนนั้นจะยุติการหาเสียง และนำป้ายหาเสียงออกจากพื้นที่ ซึ่งตามกฎหมายการเลือกตั้ง กกต. ได้กำหนดให้แต่ละพรรคใช้งบหาเสียงคนละ 1.9 ล้านบาท 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลักฐานการโอนเงินหรือไม่ ชูวิทย์ ระบุว่า ข้อความตอบกลับจะขอยื่นให้ กกต. ตรวจสอบก่อน แต่ยืนยันว่ามี โดยมั่นใจว่า หลักฐานที่ตนมีนั้น สามารถกำหนดโทษถึงขั้นยุบพรรคได้แน่นอน โดยวันนี้ยื่นหลักฐานเฉพาะพรรคนี้ก่อน โดยจะขอให้ กกต. ทำการตรวจสอบก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง 

นอกจากนี้ ชูวิทย์ ระบุว่า ตอนนี้ตนมีหลักฐานซื้อเสียงหัวละ 2,000-4,000 บาท ของทุกพรรคการเมือง โดยยกตัวอย่างที่ จ.อำนาจเจริญ มีการเก็บบัตรประชทชนเป็นตัวประกัน ใช้ อสม.เก็บรายชื่อ และให้เงิน 500 บาทเป็นค่ามัดจำ และเมื่อถึงวันเลือกตั้ง 14 พ.ค. จะได้รับบัตรคืน พร้อมเงินจำนวน 1,500 บาท และการซื้อเสียง ตอนนี้เกิดขึ้นทั่วประเทศไทย โดยมีราคาถูก และประมูลสูงขึ้นเป็น 4,000 บาทแล้ว เช่น จ.ภูเก็ต พื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ราคาซื้อเสียงย่อมดุเดือดมาก 

ทั้งนี้ ชูวิทย์ ฝากไปยังประชาชนอีกว่า ถ้าพบการซื้อสิทธิ์ขายเสียงให้เก็บหลักฐานการโอนเงิน และหลักฐานแสดงถึงตัวตนผู้สมัคร ส.ส. แล้วมาเป็นพยานให้แก่ตน โดยที่ใครได้รับเงินจำนวน 3,000 บาท ตนจะจ่ายให้ 10 เท่า เพียงแค่ขอข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้