“ผมทำงานนี้มายาวนานมากกว่า 30 ปี นี่คือช่วงเวลาที่ยุ่งวุ่นวายมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา” หนึ่งในคนขับรถพยาบาลกล่าวกับผู้สื่อข่าว ท่ามกลางสถานการณ์ความโกลาหลที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศจีนเมื่อเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้จีนยังคงนโยบายโควิดเป็นศูนย์แต่ขณะนี้แนวทางของการกำหนดมาตรการป้องกันการระบาดโควิดได้เป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามอย่างฉับพลัน
โรงพยาบาลทั่วประเทศกำลังเผชิญกับชะตากรรมเดียวกันคือผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารับการรักษาตัวกันอย่างหนาแน่น หลายพื้นที่มีการกำหนดให้บุคลากรด่านหน้าทางการแพทย์ต้องทำงานตามปกติแม้จะมีเชื้อโควิดก็ตาม
สำนักข่าว The Gardian รายงานว่าบุคลากรทางการแพทย์เปิดเผยว่าขณะนี้หลายโรงพยาบาลไม่มีตัวยาที่ใช้รักษาโรคโควิดโดยตรง ปัจจุบันมีการจ่ายยาตามอาการเท่านั้น ขณะที่ผู้ป่วยเกือบจะทุกคนในโรงพยาบาลล้วนแล้วแต่เป็นผู้ป่วยโควิด โดยที่ทั้งบริเวณด้านในและนอกของโรงพยาบาลเต็มไปด้วยการเข้าแถวที่รอคิวยาวนานของผู้ที่ต้องการเข้ารับการรักษาตัว
ด้านบริการเที่ยวบินเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากประชาชนชาวจีนจำนวนมากต่างพากันรีบจองเที่ยวบินเพื่อเดินทางออกนอกประเทศหลังจาก รัฐบาลจีนประกาศยกเลิกมาตรการการกักตัวของกลุ่มคนที่จะเดินทางกลับเข้าประเทศเริ่มต้นในวันที่ 8 มกราคม 2566
อย่างไรก็ตามชาวจีนยังไม่สามารถเดินทางไปได้ทุกประเทศเพราะยังมีข้อจำกัดจากประเทศจุดหมายปลายทางอยู่
รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเร่งพิจารณามาตรการใหม่สำหรับนักเดินทางจากจีน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดอย่างหนักในจีน อีกทั้งยังรวมถึงประเด็นความโปร่งใสของข้อมูลที่เผยแพร่โดยรัฐบาลจีน โดยเฉพาะข้อมูลทางสาธารณสุขซึ่งอาจทำให้เป็นความยากในการป้องกันการระบาดที่เพิ่มขึ้นและ การจับตาหรือระบุสายพันธุ์ใหม่ของโควิด-19
ขณะที่ญี่ปุ่นและอินเดียได้ออกมาตรการกำหนดออกมาแล้วว่าผู้ที่แต่จะเดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่จำเป็นจะต้องตรวจหาเชื้อและแสดงผลตรวจก่อนเข้าประเทศเท่านั้น ขณะผู้ที่ตรวจพบเชื้อหลังจากเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นก็จำเป็นจะต้องเข้ารับการกักตัวเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วัน โดยรัฐบาลญี่ปุ่นชี้ว่าจะมีการกำหนดสายการบินที่สามารถเดินทางเข้าประเทศด้วย