แถลงการณ์หลังการประชุมคณะโปลิตบูโรของจีนเมื่อ 21 ก.พ. ชี้ว่า รัฐบาลจีนจะเน้นการปรับใช้นโยบายทางการเงินเชิงรุกมากขึ้น ขณะที่ฝั่งนโยบายการคลังให้เน้นไปที่โครงการการก่อสร้างของภาครัฐ

ด้วยเหตุนี้ ในแถลงการณ์แยกของ 'หลิว เกาเฉียง' ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารกลางของจีน กล่าวว่า ธนาคารกลางจะเพิ่มพื้นที่เงินสำรองเพื่อเปิดทางให้ผู้ปล่อยกู้สามารถเติมเงินเข้าระบบด้วยการกู้ระยะยาว

ขณะเดียวกันสมาชิกจากคณะโปลิตบูโรยังย้ำให้มีการสนุบสนุนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตวัคซีน ยาทางชีวภาพ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงเทคโนโลยีสัญญาณ 5จี และระบบโครงข่ายอุตสาหกรรมด้วย 

ด้าน 'เคียน หวัน' และ 'เดวิด ซู' นักเศรษฐศาสตร์จากบลูมเบิร์กชี้ว่า แถลงการณ์ที่ออกมาจากคณะโปลิตบูโร "ตอกย้ำแนวคิดของเราว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีเพิ่มมากขึ้น" เพื่อลดการบั่นทอนเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19)

ขณะที่ 'เฉิน ยูลู' ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ชี้ว่า เศรษฐกิจจีนจะฟื้นขึ้นมาแบบรูปตัววี หลังรัฐสามารถเข้าควบคุมการระบาดได้ ซึ่งหมายความว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยปัจจัยสนับสนุนว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของจีนยังดีอยู่ 

พร้อมกันนี้ 'เฉิน' ยังชี้ว่า "จีนมีเครื่องมือทางนโยบายเพียงพอที่จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจโตต่อเนื่อง" โดยอธิบายว่า ปัจจุบันนี้จีนเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ประเทศเศรษฐกิจสำคัญของโลกที่สามารถสั่งใช้นโยบายกางเงินแบบปกติได้ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าด้วยเครื่องมือที่รัฐบาลมีมากมาย 

สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อในจีน ปัจจุบันอยู่ที่เกิน 78,000 ราย และมียอดผู้เสียชีวิต ณ 23 ก.พ. (15.30 น.) ที่ 2,462 คน 

อ้างอิง; Bloomberg, CNBC, FT