ไม่พบผลการค้นหา
สภาถกญัตติด่วน ศบค.ให้สิทธิวีไอพีต่างชาติ จ.ระยอง - กทม. ด้าน ส.ส.ระยอง ปชป. เรียกร้อง รบ.เยียวยาแรงงานให้กับผู้ได้รับผลกระทบทหารอียิปต์ไม่กักตัว แนะให้คุมเข้มแขกวีไอพี ขณะที่ ส.ส.ระยอง พปชร. เดือดคนระยำมาทำระยอง วอนเพื่อนสมาชิกหยุดเล่นการเมือง

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 50 และข้อ 54 (1) เพื่อขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาหามาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัส โคโรนา 2019 ในกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ให้สิทธิพิเศษกับชาวต่างชาติเข้ามาในราชอาณาจักรไทยทำให้เกิดปัญหาในพื้นที่ จ.ระยอง และ กทม. ซึ่งเสนอโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ และนายสมพงษ์ โสภณ ส.ส.ระยอง พรรคพลังประชารัฐ  

โดยนายสมพงษ์ โสภณ ส.ส.ระยอง พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า ตนเป็นคนระยอง เกิดที่ จ.ระยอง ที่ผ่านมาระยองไม่มีผู้ติดเชื้อมากว่า 100 วัน เป็นความเชื่อมั่น เป็นความเข้มแข็งอดทนของคนในจังหวัดที่ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด แต่ 2-3 วันที่ผ่านมาก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด จนได้รับผลกระทบอย่างมากมาย ทั้งการท่องเที่ยว ความเชื่อมั่น เศรษฐกิจ หลายครั้งที่คนอื่นมาทำให้เกิดปัญหาจนพูดกันว่า คนระยองไม่ใช่คนระยำ แต่คนระยำมาทำที่ระยอง นี่คือความบอบช้ำของพี่น้อง จ.ระยอง

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไปที่ จ.ระยอง ต้องขอบคุณท่าน เพราะการไปครั้งนี้เป็นการไปสร้างความเชื่อมั่นให้ฟื้นกลับมาโดยเร็ว ท่านได้ไปรับรู้ข้อบกพร่อง และมาตรการที่ต้องแก้ไข ซึ่งต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ เสนอให้รัฐบาลทบทวนมาตรการ 1.สนธิสัญญาระหว่างประเทศขอให้มีการทบทวน และมีมาตรการที่เข้มข้นกว่านี้ และแม้เรื่องจะเกิดจากคนนอก แต่ต้องตำหนิเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่บกพร่อง 2.การฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ การตื่นตระหนกทำให้เกิดความเสียหาย แต่ถ้ามาตรการเข้มงวดขึ้นคงกลับมาฟื้นตัวเร็วๆ นี้ 3. เรื่องความเชื่อมั่น ขอร้องให้เพื่อน ส.ส.หยุดเล่นการเมืองสักพัก ขอให้สงสารชาวระยอง สิ่งที่เป็นประโยชน์สร้างสรรค์ก็ขอให้ช่วยกัน และสื่อต่างๆ และโซเชียลมีเดีย อย่าทำให้ชาวระยองบอบช้ำไปกว่านี้ พร้อมขอให้ช่วยสนับสนุนมาเที่ยวและฟื้นฟู จ.ระยอง ให้ฟื้นตัวโดยเร็ว

หมอบัญญัติ บี้ รัฐบาลเยียวยาแรงงานหยุดพักงานเหตุทหารอียิปต์ทำกระทบ

ส่วน นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ตนติดตามข่าวสารที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.ระยอง อยากให้รัฐบาลให้การเยียวยากับคนที่ จ.ระยอง เพราะนายกรัฐมนตรียังไม่ได้รับปากว่าจะเยียวยา อยากให้นายกฯ เยียวยาคนที่ลำบากมากๆด้วย อย่างเช่น ผู้รับความเสี่ยงสูงในโรงแรมที่หยุดพักงาน ดังนั้น กระทรวงแรงงานต้องเยียวยาด้วย และเชื่อมั่นว่าใน 2 สัปดาห์จะไม่มีผู้ติดเชื้อใน จ.ระยอง แน่นอน

นพ.บัญญัติ ระบุว่า ถ้าเป็นแขกของกองทัพอากาศขอให้จัดคนมาอารักขา แขกวีไอพีของประเทศด้วย หากเป็นแขกของกระทรวงการต่างประเทศก็ขอให้จัดคนมาอารักขาที่โรงแรมที่พักด้วย หากเดินทางออกมาจากที่พักต้องเตือนแขกวีไอพี ตนเชื่อว่าทุกคนเดินทางมาไกลการอยู่ห้องพักนานๆ อาจจะอึดอัด การออกนอกพื้นที่ต้องมีคนเตือน หาก มาตรการของ ศบค. 11 ข้อให้ชาวต่างชาติไม่สมควรก็ขอให้รัฐบาลเร่งแก้ไข ขออย่าให้มีเอกสิทธิ์ที่เป็นภัยต่อสุขภาพ เพราะโควิด-19 ไม่รู้จัก วีไอพี ไม่วีไอพี โควิด-19 ติดเชื้อได้ทั้งนั้น

ด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้คนไทยไม่มั่นใจต่อมาตรการการควบคุมโรคคนไทยเกิดความรู้สึกเหลื่อมล้ำจากการมีข้อยกเว้นจนทำให้เกิดปัญหา และที่สำคัญกระทบเศรษฐกิจประชาชนจึงขอเสนอ 3 ประเด็นต่อรัฐบาล ให้ทำทุกวิถีทางในการสร้างความเชื่อมั่นในมาตรการป้องกันโควิด-19ให้มากยิ่งขึ้น ต้องแก้ไขกฎระเบียบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ และให้การเยียวยาผู้ประกอบการท่องเที่ยวและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบโดยพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ

นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขอให้รัฐบาลคำนึงถึงความเดือนร้อนความลำบากที่เกิดขึ้นต่อกลุ่มแรงงานและประชาชนหากการปล่อยให้เกิดโรคในประเทศครั้งนี้ต้องลุกลามไปถึงขั้นชัตดาวน์ประเทศ ซึ่งย่อมจะส่งผลต่อแรงงานในประเทศอย่างมากทั้งที่ช่วงที่ผ่านมาทุกคนให้ความร่วมมืออย่างดี แม้ไม่มีการเยียวยาให้กับแรงงานในระบบนอกจากนี้ รัฐต้องคำนึงถึงมาตรการด้านการผ่อนชำระหนี้ที่จะสิ้นสุดในเดือน ส.ค.นี้แล้วด้วย

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.ภูมิใจไทย กล่าวให้กำลังใจรัฐบาล โดยเฉพาะการทำงานของสาธารณสุขพร้อมเสนอแนะให้เปิดโอกาสให้มีการจำหน่ายชุดตรวจทดสอบโรคโควิด-19 อย่างกว้างขาง โดยภาคเอกชนหรือสถาบันทางการแพทย์นอกเหนือจากที่จะให้หน่วยงานด้านการแพทย์เป็นผู้ตรวจเท่านั้น เป็นการเปิดกว้างให้ประชาชนตรวจโรคได้ด้วยตนเองและขอนำปัญหาที่เกิดจากความหละหลวมในข้อกำหนดที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นบทเรียน และรีบระงับความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นด้วยการทบทวนและเร่งสร้างความมั่นใจให้ได้กับทุกภาคส่วน หากถึงเวลาที่จะต้องเปิดประเทศ

รมช.สธ. ปัดปิดบังข้อมูล ย้ำไม่พบผู้ติดเชื้อ 50 วัน แต่ต้องเตรียมพร้อม

ด้าน นายสาธิต ปิตุเตชะ รั รมช.สาธารณสุข ชี้แจงว่า ขอขอบคุณสมาชิกฯ ทุกท่านที่ใช้กลไกของสภาผู้แทนราษฎร เสนอญัตติด่วนดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นนอกจากผลกระทบในพื้นที่เกิดเหตุแล้ว ยังส่งผลกระทบในวงกว้างต่อความรู้สึกของประชาชนทั้งประเทศ ทั้งนี้ จะรับข้อเสนอที่เป็นประเด็นที่เกิดประโยชน์ต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนไปพิจารณาดำเนินการ เพื่อให้สามารถก้าวข้ามสิ่งที่เกิดขึ้นและปัญหาที่พบในแง่ของการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดข้อบกพร่องต่อไป

นายสาธิต ระบุว่า อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข และรมช.กระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่จังหวัดระยองเมื่อวันที่ 15 ก.ค. และได้สอบถามข้อเท็จจริง ตรวจสอบ พร้อมทั้งดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดว่า แม้ว่าจะไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 50 วัน แต่สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกยังมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมรับมือ หากเกิดสถานการณ์เช่นเดียวกับจังหวัดระยองในพื้นที่อื่น ๆ โดยต้องมีระบบควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อ จำกัดพื้นที่ผู้มีความเสี่ยงสูง และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อในวงกว้างให้ได้ประสิทธิภาพจนกว่าจะมี"การผลิตวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้สำเร็จ ซึ่งปัจจุบันมาตรการต่าง ๆ ของประเทศไทยนั้นถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว เหลือเพียงมาตรการจัดการโควิด-19 ภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจ และขอให้เชื่อมั่นว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ปิดบังข้อมูลแต่อย่างใด

จากนั้น สมาชิกฯ ได้อภิปรายแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ในหลายๆ ประเทศนั้นประชาชนสามารถหาซื้อเครื่องมือในการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ แต่ประเทศไทยยังไม่ได้รับอนุญาต โดยผู้ที่ต้องการตรวจจะต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลและมีค่าใช้จ่ายประมาณ 6,500 บาท ดังนั้น จึงขอให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถทดสอบได้ด้วยตนเองซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ไม่มาก และประชาชนสามารถจ่ายได้ อีกทั้งการตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าประเทศโดยใช้เพียงเครื่องตรวจวัดอุณหภูมินั้นยังไม่เพียงพอ จึงควรมีวิธีการและระบบการคัดกรองที่เข้มข้นมากกว่านี้ และเสนอให้รัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในมาตรการต่าง ๆ ให้มากขึ้นกว่าเดิม ตลอดจนปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบที่บกพร่องเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเป็นบทเรียนที่ทำให้ประเทศไทยมีความระมัดระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก 

ทั้งนี้ หลังจากที่สมาชิกฯ ได้อภิปรายและผู้เสนอญัตติได้สรุปญัตติ โดยจะได้นำความเห็นต่าง ๆ ของสมาชิกฯ ส่งไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณาดำเนินการแก้ไขต่อไป จากนั้น ประธานที่ประชุมฯ ได้สั่งปิดประชุมเมื่อเวลา 18.38 น. 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง