ไม่พบผลการค้นหา
กลยุทธ์ทางการตลาด-ผลิตสินค้าตอบโจทย์ผู้บริโภค ส่งให้แบรนด์ชุดชั้นในของ 'ริฮานนา' เติบโตต่อเนื่องท่ามกลางวิกฤตโรคระบาด ท่ามกลางการแข่งขันอุตสาหกรรมแฟชั่น

แฟชั่นโชว์ชุดชั้นในภายใต้แบรนด์ Savage x Fenty ของ 'ริฮานนา' นักร้องสาวจากหมู่เกาะบาร์เบโดส ซึ่งผันตัวมาบริหารธุรกิจตระกูล FENTY ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จนแฟนคลับจำนวนมากลืมอาชีพ 'นักร้อง' ของเธอไปหมดแล้ว จะกลับมาถ่ายทอดสดผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิงของแอมะซอน ไพรม์ อีกครั้งในวันที่ 2 ต.ค.นี้ 

ในงานปีนี้ นอกจากนักธุรกิจสาวจะร่วมเดินแบบโชว์สินค้าด้วยตัวเอง ยังได้นางแบบชื่อดังที่เคยเป็นพรีเซนเตอร์หลักให้กับคู่แข่งอย่าง Victoria’s Secret มาร่วมเดินด้วยเช่นกัน อาทิ คารา เดเลวีน และ เบลลา ฮาดิด ซึ่งมาร่วมงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ทั้งยังมีศิลปินนักร้องชื่อดังมากมาย อาทิ ลิซโซ, นอร์มานี และเอลลา ไม

เท่านั้นยังไม่พอ หลังเปิดตัวสินค้าชุดชั้นในเพื่อผู้ชาย ริฮานนา ที่ไปจับมือกับ 'คริสเตียน คอมบ์ส' มาเป็นแอมบาสเดอร์หลักของไลน์สินค้าเพื่อผู้ชาย พร้อมกับดึงศิลปินชายทั้ง บิ๊ก ฌอน, มิเกล และ ทราวิส สก็อตต์ มาร่วมโชว์เช่นเดียวกัน 

ริฮานนา

ฉลาดพอจะไม่มองข้าม 'ลูกค้า'

การเติบโตของแบรนด์ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดและความสำเร็จที่นำหน้าคู่แข่งที่อยู่ในวงการมาก่อน ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าเหตุใด Savage x Fenty ถึงขึ้นมาช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดและได้พื้นที่สื่อมากกว่า Victoria’s Secret ที่นอกจากตัดสินใจยกเลิกงานแฟชั่นโชว์ 'นางฟ้า' ในปีที่แล้ว ยังไม่มีทีท่าจะกลับมาจัดในปีนี้ ทั้งที่เป็นเทศกาลประจำปีซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2538 

ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัยการตลาด Mordor Intelligence พบว่า อัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมชุดชั้นในทั่วโลกระหว่างปี  2563-2565 จะพุ่งขึ้นราว 5.5% ต่อปี โดยพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันเน้นไปที่การเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ และหันไปให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าราคา 

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมดังกล่าวยังถูกจัดอยู่ในประเภทตลาดที่มีการแข่งขันสูงโดยปราศจากการครองส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง อย่างไรก็ตาม 5 บริษัทเจ้าของแบรนด์ชุดชั้นในที่บริษัทวิจัยตลาดมองว่าเป็นผู้เล่นสำคัญได้แก่ L Bands ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Victoria’s Secret, AEO Management Co., MAS Holdings, Triumph International และ Zivame  

แม้จะเป็นรายใหญ่ของตลาด แต่ Victoria’s Secret ที่เผชิญปัญหาภาพลักษณ์ตั้งแต่ก่อนมีโควิด-19 ได้รับผลกระทบทับซ้อนอีกครั้งกับวิกฤตโรคระบาด จนบริษัทแม่ต้องออกมาประกาศปิดหน้าร้านราว 250 สาขา ในสหรัฐฯ และแคนาดา อีกทั้งในไตรมาส 2/2563 ยอดขายชุดชั้นในของแบรนด์ในสหรัฐฯ ยังตกลงกว่า 39%

ในทางตรงกันข้าม ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัย Earnest ที่รวบรวมยอดขายตรงสู่ผู้บริโภค พบว่า ยอดขายของ Savage x Fenty ต่อเดือนเติบโตสูงขึ้นมากกว่า 2 เท่า ระหว่างเดือน ก.พ.-ส.ค.ที่ผ่านมา สอดคล้องกับข้อมูลจาก Second Measure ที่ชี้ว่า ณ เม.ย. 2563 ขณะที่ Victoria’s Secret มียอดขายตกลงกว่า 63% เมื่อเทียบกับเดือนหน้า Savage x Fenty กลับมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 218% 

'เชลซี กรอส' ผู้อำนวยการบริษัทข้อมูล Gartner for Marketers  ชี้ว่า จากข้อมูลที่บริษัทมีอยู่ในมือ ธุรกิจต่างๆ ของริฮานนาเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยสำคัญเรื่องการผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของทุกกลุ่มผู้บริโภคและให้ความสำคัญกับความหลากหลายของบุคคล 

"พวกเขาเข้ามาเติมช่องว่างที่ Victoria’s Secret รักษาเอาไว้ไม่ได้ ได้ดีจริงๆ"

ความใส่ใจในความหลากหลายของรูปร่างผู้บริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญให้แบรนด์เติบโต ยังสอดคล้องกับผลสำรวจจาก Statista ที่พบว่า 24% ของชาวอเมริกันมีความรู้สึกดีต่อแบรนด์ที่โฆษณาสินค้าแสดงออกถึงความหลากหลายมากกว่าแบรนด์ที่เลือกโชว์รูปร่างนางแบบประเภทเดียว

savage x fenty

เท่านั้นยังไม่พอ กลยุทธ์ทางการตลาดของทั้ง 2 บริษัทยังแตกต่างกันอย่างมากจาก 3 ปีก่อนหน้า ข้อมูลชี้ว่า Victoria’s Secret ยังทุ่มเงินมหาศาลไปกับการลงทุนกับหน้าร้านก่อนจะถูกโควิด-19  เข้ามากระทบจนต้องเร่งปิดไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ ริฮานนา กลับเลือกขายสินค้าของเธอผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก 

พร้อมกันนี้ บริษัทยังเลือกดึงศิลปินที่มีอิทธิพลในเชิงออนไลน์มาร่วมงานด้วยอย่างสม่ำเสมอ นอกจากตัวเธอเองที่มียอดผู้ติดตามมากกว่า 80 ล้านบัญชีบนอินสตาแกรม นักธุรกิจและนักร้องสาวยังดึงศิลปินมากมายเข้ามาร่วมโปรโมต อาทิ ทราวิส สก็อตต์ ที่มีผู้ติดตามมากถึง 33.5 ล้านคนบนอินสตาแกรม เช่นเดียวกับกรณีที่ Savage x Fenty ดึงแรปเปอร์สาว เมแกน ทรี สเตลเลียน ที่มีผู้ติดตามบนอินสตาแกรมมากกว่า 15 ล้านบัญชี เมื่อ พ.ค.ที่ผ่านมา 

View this post on Instagram

Love y’all @savagexfenty @badgalriri 💙

A post shared by Hot Girl Meg (@theestallion) on

ตามข้อมูลจาก Tribe Dynamics ที่รวบรวมข้อมูลเพื่อประมวลอิทธิพลบนโลกออนไลน์ที่มีต่อแบรนด์ พบว่า การดึงแร็ปเปอร์สาวมาเป็นแอมบาสเดอร์ครั้งนี้ของแบรนด์ชุดชั้นในมีมูลค่าทางโซเชียลมากกว่างานแฟชั่นโชว์ครั้งแรกของแบรนด์ด้วยซ้ำไป ขณะที่ข้อมูลจาก Earnest เสริมว่า การร่วมมือครั้งนี้ ทำให้ยอดขายของแบรนด์พุ่งขึ้นสูงที่สุดตลอดทั้งปีที่ผ่านมา 

ล่าสุด olbg ซึ่งรวบรวมข้อมูล Owler บริษัทอินเทอร์เน็ตของสหรัฐฯ และข้อมูลจาก Forbes และ Bloomberg พบว่า ธุรกิจตระกูล FENTY ทั้ง 3 แบรนด์ ของ ริฮานนา ติด 10 อันดับของธุรกิจของศิลปินที่มีมูลค่ามากที่สุด โดย Savage x Fenty อยู่ในอันดับที่ 9 ด้วยรายได้รวม 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่  Fenty (Fashion House)  และ Fenty Beauty รั้งอันดับที่ 5 และ 4 ด้วยมูลค่า 387 และ 570 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ 

อ้างอิง; Harper's BAZAAR, Vulture, Vogue, CNBC, BOF

ข่าวที่เกี่ยวข้อง;