ไม่พบผลการค้นหา
ฮุนเซน ผู้นำเผด็จการกัมพูชา เตือนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ทำลายบัตรลงคะแนนของตัวเอง ให้เข้ามอบตัวกับทางการ หรือไม่จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ในขณะที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่ครองอำนาจมานานกว่า 38 ปีอ้างว่า พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP)  ของเขาได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23 ก.ค.) ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่ไม่มีพรรคฝ่ายค้านที่สูสีลงแข่ง เนื่องจากถูกตัดคุณสมบัติ

ฮุนเซน ในวัย 70 ปี ซึ่งปกครองกัมพูชามานานเกือบ 4 ทศวรรษ กล่าวเมื่อคืนวันอาทิตย์ว่า จากผลการนับคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการพบว่า พรรคประชาชนกัมพูชาของเขาได้ที่นั่งในรัฐสภากว่า 120 ที่นั่ง จาก 125 ที่นั่ง และในขณะที่ 5 ที่นั่งที่เหลือตกเป็นของพรรคฝ่ายนิยมระบอบกษัตริย์ 

อย่างไรก็ดี พรรคฝ่ายค้านที่มีความสูสีในการลงแข่งขันอย่างพรรคแสงเทียนของกัมพูชา กลับไม่สามารถลงรับเลือกตั้งในครั้งนี้ได้ เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติกัมพูชาตัดสิทธิพรรคแสงเทียน ด้วยข้ออ้างว่าขาดการยื่นเอกสารสำคัญ

นอกจากการที่รัฐบาลของฮุนเซนได้การปราบปรามพรรคฝ่ายค้านอย่างราบคาบ ทั้งการสั่งจำคุกและบังคับให้แกนนำพรรคฝ่ายค้านต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ กัมพูชายังได้มีกฎหมายเพื่อป้องกันการคว่ำบาตรการเลือกตั้งจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส่งผลให้ประชาชนกัมพูชาที่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งครั้งนี้และรัฐบาลกัมพูชา เหลือช่องทางเดียวในการประท้วงด้วยการทำบัตรเสีย เพื่อหย่อนลงหีบบัตรเลือกตั้งในคูหาเลือกตั้ง

ฮุนเซน ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในเอเชีย กล่าวว่า การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีผู้เดินทางมาใช้สิทธิถึง 84% หรือคิดเป็นประชาชนราว 9.7 ล้านคน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความพยายามของฝ่ายค้าน “หัวสุดโต่ง” ในการบ่อนทำลายการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของกัมพูชาในครั้งนี้นั้นล้มเหลว ทั้งนี้ ฮุนเซนส่งสัญญาณชัดเจนว่า เขากำลังจะสืบทอดอำนาจการปกครองประทศให้แก่ลูกชายของเขาอย่าง ฮุนมาเนต ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้บัญชาการระดับสูงในกองทัพกัมพูชา

หลังจากการเลือกตั้งจบลง ฮุนเซน กล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชากำลังรอดูว่าบัตรลงคะแนนจะถูกทำให้เป็นบัตรเสียไปกี่ใบ “บัตรลงคะแนนใดๆ ที่ถูกทำลาย (เป็นสัญญาณของ) การสนับสนุนพรรค CDL (พรรคแสงเทียน)” ฮุนเซนระบุบนโพสต์ทางสื่อสังคมออนไลน์ “ผู้ที่ทำให้บัตรลงคะแนนเป็นบัตรเสียสามารถเข้ามาสารภาพกับเจ้าหน้าที่… เพราะขบวนการทำลายบัตรลงคะแนนนี้ จะต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย”

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 ก.ค.) ฮุนมาเนต ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากสถาบันการทหารสหรัฐฯ ที่เวสต์พอยต์ รวมถึงมหาวิทยาลัยนิวยอร์กและมหาวิทยาลัยบริสตอล ได้รับการรับรองจากพรรค CPP ให้เป็น “นายกรัฐมนตรีในอนาคต” ทั้งนี้ ฮุนเซน กล่าวว่า ลูกชายของเขาอาจเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาในอีก 3 หรือ 4 สัปดาห์ 

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่ามีข้อบ่งชี้ว่า เมื่อฮุนมาเนตขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนต่อไป แนวทางการปกครองกัมพูชาของเขาจะแตกต่างไปไม่มากจากพ่อของตัวเอง ซึ่งเป็นการปกครองที่ไม่อดทนต่อความขัดแย้ง และสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างกัมพูชากับจีน ทั้งนี้ ตลอดเส้นทางการหาเสียงและบนสื่อสังคมออนไลน์ ฮุนมาเนตมีสไตล์การหาเสียงและคำพูดไม่ต่างอะไรออกไปจากฮุนเซน

สหภาพยุโรป สหรัฐฯ และประเทศตะวันตกอื่นๆ ไม่ได้ส่งผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมจับตาการเลือกตั้งกัมพูชาในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยชาติตะวันตกระบุว่า การเลือกตั้งของกัมพูชาในครั้งนี้ไม่มีเงื่อนไขที่จะได้รับการพิจารณาว่ามีความเสรีและเป็นธรรม ทั้งนี้ มีผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งจากรัสเซีย จีน และกินี-บิสเซา ที่เฝ้าดูฮุนซุนลงคะแนนเสียงในหน่วยเลือกตั้งในเขตบ้านเกิดของเขา บริเวณนอกกรุงพนมเปญ

ในอีกทางหนึ่ง แนวร่วมของหน่วยเฝ้าระวังการเลือกตั้งและกลุ่มสิทธิมนุษยชน 17 กลุ่ม รวมถึงเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรีและสหพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวในแถลงการณ์ร่วมว่าพวกเขา “กังวลอย่างยิ่ง” ต่อการเลือกตั้งในกัมพูชาครั้งนี้

ในช่วงก่อนการเลือกตั้งกัมพูชา บุคคลสำคัญของฝ่ายค้านและนักเคลื่อนไหวในประเทศถูกจับกุม ถูกคุกคาม ถูกทุบตีตามท้องถนน และถูกเนรเทศ ซึ่งกลุ่มสิทธิกล่าวว่าเหตุต่างๆ ดังกล่าวเป็นการโจมตีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง อย่างไรก็ดี รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้ข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม ในขณะที่การเข้าถึงสื่ออิสระในกัมพูชายังถูกจำกัด ทั้งนี้ สื่ออิสระแห่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ของประเทศอย่าง Voice of Democracy เพิ่งปิดตัวลงเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้

รงชุน รองประธานพรรคแสงเทียน กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า พื้นที่สำหรับเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพของสื่อในกัมพูชาลดน้อยลง อย่างไรก็ดี เขาระบุว่าตัวเองจะยังคงทำงานการเมืองต่อไป แม้จะมีความเสี่ยงส่วนตัว โดยเขากล่าวเสริมว่า “เราต้องการให้ประเทศมีสังคมประชาธิปไตย หลักนิติธรรม และการเคารพสิทธิมนุษยชน เราจึงต้องสละตนเองเพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง”


ที่มา:

https://www.theguardian.com/world/2023/jul/23/cambodia-election-results-hun-sen-spoiled-ballots?CMP=Share_AndroidApp_Other&fbclid=IwAR39AWR2yuojFEsK0ck6Hw9_Y34QMGOEqzrceC9-OW7Zm9uC8F8xZHZn4Sg