เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอเนื้อหาที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อใช้วิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
ยูริและผู้เป็นพ่อหวังว่าพวกเขาจะสามารถหายาและอาหารกลับมายังบ้านของตัวเอง ก่อนที่เขาทั้งสองจะถูกทหารของรัสเซียสั่งให้หยุดจักรยานกลางทางบริเวณถนนทาราซิฟสกา ทั้งสองหยุดจักรยานของตัวเองลงทันที ก่อนที่จะยกมือขึ้นเหนือศีรษะ
ยูริให้สัมภาษณ์กับ BBC พร้อมกับแม่ของเขาอย่างอัลลา เพื่อเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น “พวกเราบอกเขาว่าพวกเราไม่ได้พกอาวุธอะไรมาด้วย และเราก็ไม่ได้แสดงออกว่าเราจะเป็นอันตรายต่อพวกเขา” ยูริเล่าต่อถึงนาทีที่เขาไม่อยากให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น “จากนั้นพ่อผมหันหน้ามาทางผม และนั่นคือตอนที่เขาถูกยิง… เขาถูกยิงสองครั้งที่หน้าอก ตรงจุดของหัวใจ แล้วเขาก็ล้มลง”
หลังจากนั้น ยูริกล่าวว่าทหารได้ยิงเขาเข้าที่มือข้างซ้ายก่อนที่ยูริจะล้มลงเช่นเดียวกัน ในขณะที่เขานอนอยู่บนพื้นทหารรัสเซียได้ยิงเขาอีกครั้งเข้าที่แขน “ผมนอนคว่ำท้องลง ผมไม่เห็นอะไรที่เกิดขึ้นรอบตัวของผมเลย” ยูริเผย ก่อนจะบอกว่าทหารได้ยิงเขาเข้าที่ศีรษะอีกครั้ง “(แต่) กระสุนทะลุฮู้ดของผมไป”
ยูริระบุว่า ทหารรัสเซียหันกลับไปยิงศีรษะของพ่อเขาอีกครั้ง ถึงแม้ว่ารุสลานจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม “ผมเกิดอาหารแพนิค นอนอยู่อย่างนั้นกับแผลที่แขนในตัวผม ผมเห็นมือของผมเลือดไหล” ยูริกล่าว หลังจากนั้น ทหารรัสเซียเดินกลับไปยังหลังรถถังที่จอดอยู่ ยูริรีบลุกขึ้นและวิ่งหนีสุดชีวิตจนรอดตายกลับมาได้
อย่างไรก็ดี BBC ไม่ได้ทำการตรวจสอบรายละเอียดของคำบอกเล่าจากยูริ แต่ความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในบูชาโดยฝีมือทหารรัสเซียอาจเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงชะตากรรมของยูริกับพ่อได้ไม่เกินจินตนาการ ทั้งนี้ มีศพจำนวนมากนอนเสียชีวิตอยู่บนนถนนของเมืองบูชา บางศพถูกมัดมือไพล่หลัง บางศพเห็นได้ชัดเจนว่าถูกรถถังวิ่งทับ
อัลลาเห็นลูกชายที่ได้รับบาดเจ็บวิ่งกลับมายังบ้านก่อนเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น เธอนึกว่ายูริอาจเข้าใจผิด และสามีของเธออย่างรุสลานอาจจะแค่ได้รับบาดเจ็บ และกำลังนอนรอความช่วยเหลือด้านการแพทย์อยู่ “ลูกของฉันขอร้องว่าอย่าออกไป” อัลลาบอกกับ BBC “เขาบอกว่าพวกนั้นจะฆ่าฉันด้วย”
อัลลาพยายามเดินออกไปยังถนนก่อนที่เธอจะถูกเพื่อนบ้านห้ามเอาไว้ “(พวกเขา) บอกฉันว่าอย่าเดินออกไปไกลกว่านี้ พวกเขาบอกว่าทหารรัสเซียฆ่าทุกคนในพื้นที่ภายใต้การควบคุมของพวกนั้น” เช้าวันต่อมา อัลลาและแม่ของเธอสวมผ้าพันคอสีขาว และเดินไปยังสถานที่เกิดเหตุ แม่ของอัลลาพูดภาษารัสเซียกับทหารรัสเซีย ก่อนที่พวกเขาจะเปิดทางให้เธอทั้งสองเดินผ่านไป ในตอนสุดท้าย เธอสามารถนำศพของผู้เป็นสามีกลับมายังบ้านได้
อัลลาเปิดเผยภาพที่เธอบันทึกแผลบนร่างของสามีตนเองแก่ BBC ก่อนที่จะได้รับการยืนยันว่า แผลต่างๆ ตรงกันกับคำบอกเล่าที่ยูริได้ระบุกับทาง BBC โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกตรงหัวใจ ทั้งนี้ รุสลานในวัย 49 ปีประกอบอาชีพทนายความ และเขามักทำกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์อยู่บ่อยครั้ง “เขาไม่สามารถนั่งอยู่ในที่หลบภัยและรอ เขาเลยอาสาออกไปและช่วยเหลือผู้คน” จิตอาสาของรุสลานกลับทำให้ทหารรัสเซียสังหารเขาอย่างไร้เหตุผล
ศพของรุสลานถูกฝั่งเอาไว้ที่สวนหลังบ้านของพวกเขา ยูริยืนยันว่า ทหารที่สังหารพ่อของตนเป็นคนรัสเซียอย่างแน่นอน จากชุดเครื่องแบบทหารสีเขียวเข้ม ซึ่งเป็นชุดเครื่องแบบของทหารรัสเซียโดยทั่วไป “ผมเห็นว่าเสื้อคลุมของเขาเขียนว่า ‘รัสเซีย’ ในภาษารัสเซีย” ยูริกล่าว “เราไม่ได้เป็นอันตรายต่อกองทัพเลย เราเป็นพลเรือน สวมผ้าพันคอสีขาวเพื่อแสดงให้เห็น (ว่าเราเป็นพลเรือน) มันโคตรบ้าเลย”
ที่มา: