ไม่พบผลการค้นหา
ศาลสั่งจำคุกแกนพันธมิตร "สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์", "อัญชะลี ไพรีรัก" และจำเลยอีก 4 คน ไม่รอลงอาญา ในคดีบุกสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT ทำให้ทรัพย์สินเสียหายกว่า 6 แสนบาท

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล แกนนำ มิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในฐานะจำเลยที่ 1-5 ในคดีบุกรุก สำนักงานสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยหรือ NBT เมื่อปี 2551 เดินทางมาฟังคำพิพากษา ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องในความผิดฐาน "ร่วมกันบุกรุก มั่วสุม สร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง อั้งยี่ ซ่องโจร ฯ"

โดยนางอัญชะลี ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นฟังคำตัดสินว่า ได้เตรียมหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัวมาด้วย แม้ยังไม่ทราบ คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งกลุ่มของตนที่มาฟังคำพิพากษาในวันนี้ เป็นคดีที่อัยการเรียกฟ้องเพิ่มในภายหลัง ส่วนรายละเอียดในคดีให้ทีมทนายความดำเนินการทั้งหมด ทั้งเอกสาร พยานในการต่อสู้คดี ซโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ได้ติดต่อกันและให้กำลังใจตนมาโดยตลอด ขณะที่ตนบอกกับตัวเองว่า "จะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องเกิด เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความจริงได้" 

เมื่อถึงเวลาศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานตามที่คู่ความทั้ง 2 ฝ่ายนำสืบแล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปดูแลรักษาความปลอดภัยหลายปาก ผู้อำนวยการและช่างภาพสถานี NBT ขึ้นเบิกความในฐานะพยานโจทก์ ยืนยันว่าขณะนั้นอยู่ในลักษณะประจันหน้ากันที่ประตูรั้ว พยานเห็นจําเลยทั้ง 5 คน อยู่บนรถยนต์และมีพยานจำเสียงของจำเลยที่ 2ได้โดยโจทก์มีภาพถ่ายเป็นหลักฐานด้วย

ส่วนที่จำเลยที่ 1-4 อ้างว่ามีผู้ชุมนุมดาวกระจายไปที่ NBT เเล้วถูกจับกุมตัวไป ซึ่งผู้ชุมนุมอีกส่วนหนึ่งทราบข่าวจึงเคลื่อนขบวนติดตามไปภายหลัง เพื่อนำมวลชนกลับมาที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยไม่ได้เข้าไปในสถานีและนายชิติพัทธ์ จำเลยที่ 5 เป็นเพียงผู้ชุมนุมธรรมดาที่เดินทางไปร่วมชุมนุมนั้น ศาลเห็นว่า ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ จำเลยทั้ง 5 มีความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมก่อการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ฐานร่วมกันบุกรุก ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นส่วนความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจร

อย่างไรก็ตาม ที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 5 กับพวกและกลุ่ม "นักรบศรีวิชัย" สมคบกันร่วมประชุมวางแผนกัน แต่ไม่มีพยานหลักฐานจึงลงโทษฐานนี้ไม่ได้ 

ส่วนนายสมเกียรติ จำเลยที่ 1 เป็นแกนนำของกลุ่มพันธมิตรฯ ร่วมสมคบคิดบุกยึด NBT ขึ้นเวทีชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ร่วมประกาศภารกิจและร่วมเดินทางไปด้วยในลักษณะกำกับดูแล เป็นหัวหน้าสั่งการในการกระทำความผิด แต่สำหรับจำเลยที่ 2-5 พยานหลักฐานยังไม่ชัดว่าเป็นหัวหน้าหรือมีหน้าที่สั่งการในการบุกยึด ศาลจึงพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปีจำคุกจำเลยที่ 2-5 คนละ 1 ปี ไม่รอลงอาญา ทั้งหมดยื่นเรื่องประกันตัว และมีเวลาที่จะยื่นต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง