ไม่พบผลการค้นหา
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยกฟ้อง 'ทักษิณ ชินวัตร' พ้นมลทินซูเปอร์บอส คดีกรุงไทย หลังตกเป็นจำเลย

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่อม. 3/2555 คดีหมายเลขแดงที่อม.55/2558 ระหว่าง อัยการสูงสุดโจทก์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่1 กับพวกรวม 27 คน เรื่องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการยักยอก ความผิดต่อพระราชบัญญัติด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐความผิดต่อพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ชั้นยกคดีขึ้นพิจารณาเฉพาะจำเลยที่ 1) คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่13 มิถุนายน 2555 ระหว่างการพิจารณจำเลยที่ 1 หลบหนี 

ศาลออกหมายจับและจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 เสียจากสารบบความชั่วคราว ต่อมามีการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจาณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีอำนาจพิจารณาคดีได้โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย ศาลจึงให้ยกคดีฉพาะจำเลยที่ 1 ขึ้นพิจารณาต่อไปและจำเลยที่ 1 แต่งตั้งทนายความมาดำเนินการแทน ศาลอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยที่ 1 ในวันนี้ (30 ส.ค. 2562)

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการมืองมีคำวินิจฉัยในสาระสำคัญว่า ตามทางไต่สวน แม้จะได้ความจากนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ ว่านายชัยณงค์ได้รับโทรศัพท์จากจำเลยที่2 แจ้งว่า เรื่องของตกลงแล้วอย่าสอบถามข้อมูลมากนัก และขอให้พิจารณาไปโดยเร็ว จำเลยที่ 19 "ซูเปอร์บอส" มีลักษณะเป็นการสั่งคำว่า "ซูเปอร์บอส" น่าจะหมายถึงจำเลยที่1 ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะเกิดเหตุ แต่นายชัยณรงค์เคยให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐว่า คำว่า "ซูเปอร์บอส" หมายถึงจำเลยกีดหรือคุณหญิงพจมานอันเป็นคำให้การที่ขัดแย้งกัน 

ทั้งการเบิกความเกี่ยวกับคำว่า "ซูเปอร์บอส" หรือ "บิ๊กบอส" หมายถึงจำเลยที่ 1 เป็นเพียงการคาดเดาไปตาม ความเข้าใจของนายชัยณรงค์เองนายชัยณรงค์ไม่คยรู้จำเลยเป็นการส่วนตัว เพียงแต่อ้างว่าจำเลยที่ 2 โทรศัพท์มาบอกว่า "ซูเปอร์บอส" ตกลงแล้วอย่าถามข้อมูลมากนักและขอให้พิจารณาไปโดยเร็วจึงเป็นกรณีที่นายชัยณรงค์รับฟังมาจากจำเลยที่2 อีกขั้นหนึ่ง ดังนั้นซูเปอร์บอสจะเป็นผู้ใดคงมีเพียงจำเลยที่ 2 เท่านั้น ที่จะยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ หรืออาจเป็นข้อกล่าวอ้างของจำเลยที่๒เองก็เป็นได้ พยานปากนายชัยณรงค์จึงเป็นพยานที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวจึงควรับฟังด้วยความระมัดระวัง 

ส่วนพยานปากนายอุตตมก็ได้ความเพียงว่าก่อนการประชุมนายชัยณรงค์สอบถามที่หน้าห้องประชุมเพียงว่า จำเลยที่2 ได้โทรศัพท์มาถึงนายอุตมหรือไม่นายอุตตมตอบว่จำเลยที่2ไม่ได้โทรศัพท์มาหาตน การพิจารณาอนุมัติ สินเชื่อให้จำเลยที่19 ในส่วนของนายอุตมจึงมิได้เกิดจากจำเลยที่2โน้มน้าวให้อนุมัติเพราะได้รับคำสั่งจาก จำเลยกีดพยานหลักฐานของโจทก์ที่ไต่สวนมายังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยที่ได้สั่งการผ่านจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4ให้อนุมัติสินเชื่อดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1


กราฟิกคดีกรุงไทย-graphic-voiceonline-suras



อ่านเพิ่มเติม