ไม่พบผลการค้นหา
บ.พัฒนาเอไอ ปล่อยโมเดลภาษาปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ สะท้อนความสามารถเทคโนโลยี ทว่านักพัฒนาหลายคนชี้ปัญหา มีช่องว่างความเสมือนมนุษย์ และประเด็นเหยียดเพศ-ผิว-เชื้อชาติ

ช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา OpenAI บริษัทเทคโนโลยีค้นคว้าวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากไมโครซอฟท์และยังเคยได้รับความช่วยเหลือจาก อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ประกาศเปิดตัวระบบภาษาปัญญาประดิษฐ์ GPT-3 

เพื่ออธิบายให้ง่าย ระบบเอไอภาษานี้ จะอนุญาตให้บรรดาผู้พัฒนาโปรแกรมสามารถขับเคลื่อนความสามารถของเอไอด้านการใช้งานภาษาอังกฤษให้สูงขึ้นกว่าเดิม ทั้งการเขียนบทความ เขียนนิยาย ไปจนถึงการตอบคำถามประจำวันของมนุษย์ทั่วไป 

อาร์ราม เซเบติ ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอของ ZeroCater หนึ่งในผู้ร่วมใช้งาน GPT-3 เวอร์ชันกำลังพัฒนา เขียนในเว็บไซต์ของตนเองเมื่อ 14 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า ตัวเขาได้ลองใช้งานเอไอดังกล่าวในการแต่งกลอนที่เกี่ยวกับอีลอน มัสก์

เซเบติ ย้ำว่า กลอนที่ออกมาเป็นผลงานตรงจากเอไอ ตนไม่ได้มีส่วนในการเขียนแม้แต่น้อย มีเพียงช่วยเขียนโปรแกรมพัฒนาสัมผัสต่างๆ ที่เอไอดูจะยังเข้าไม่ถึง นอกจากนี้ ในฐานะนักพัฒนา เซเบติ ยังลองป้อนกลอนจากนักกวีชาวสหรัฐฯ ชื่อดังอย่าง 'ดร.ซูสส์' หรือ ธีโอดอร์ ซูสส์ จีเซล เข้าไปเพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ของเครื่องกล (machine learning)

เอไอ-unsplash

ช่วงหนึ่งของกลอนที่มีชื่อว่า 'Elon Musk By Dr. Seuss' (อีลอน มัสก์ โดย ดร.ซูสส์) เอไอหยิบประเด็นข่าวระหว่างซีอีโอเทสลากับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (SEC) ขึ้นมาล้อเลียน โดยพูดถึงกรณีที่ SEC ต้องการให้มัสก์หยุดทวีตข้อความที่จะส่งผลต่อทิศทางของนักลงทุนซึ่งเรื่องดังกล่าวไปถึงกระบวนการฟ้องร้องแล้วแต่มีการไกลเกลี่ยได้ในภายหลัง 

  • "The SEC said, “Musk,/ your tweets are a blight./ They really could cost you your job,/ if you don’t stop/ all this tweeting at night.”"
  • "SEC กล่าวว่า "มัสก์/ ทวีตของคุณมันเป็นตัวทำลายล้าง/ มันจะส่งผลกับงานของคุณแน่ๆ/ ถ้าคุณไม่ยอมหยุด/ ทวีตต่างๆ ตอนกลางคืนสักที""

'เอไอ' จอมเหยียด
เอไอ - AFP

แม้ปัจจุบันวงการเอไอจะรุดหน้าไปไกลมากแล้ว และดูเหมือนอนาคตอันใกล้มนุษย์อาจแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่า หนังสือเล่มที่กำลังอ่านในมือมีมนุษย์หรือเอไอเป็นผู้เขียนกันแน่ แต่ เควิล แลคเกอร์ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อีกรายที่ได้ GPT-3 ไปลองใช้งาน ชี้ให้เห็นช่องว่างระหว่างสมองของปัญญาประดิษฐ์กับสมองของมนุษย์ยังต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ 

แลคเกอร์ กล่าวว่า ข้อมูลคำศัพท์ภาษาอังกฤษกว่า 3 แสนคำ หรือคิดเป็นขนาดข้อมูลกว่า 45 เทระไบต์ ทำให้เอไอสามารถคาดการณ์คำศัพท์ที่มนุษย์จะพูดได้ แต่ปัญญาประดิษฐ์ยังคงมีปัญหาเรื่องการให้เหตุผลอยู่อีกมาก 

เท่านั้นยังไม่พอ ดูเหมือนเอไออัจฉริยะด้านภาษานี้จะกลายเป็นเครื่องมือสะท้อนการเหยียดเพศไปจนถึงการเหยียดเชื้อชาติเช่นเดียวกัน เมื่อ เจอโรม เพเซนติ หนึ่งในผู้พัฒนาระบบดังกล่าว ทดลองพิมพ์คำศัพท์ 1 คำ และให้ ระบบเอไอสร้างเป็นประโยคที่เหมาะสมกับแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ก่อนพบว่า เมื่อเขาป้องคำศัพท์ที่เกี่ยวกับเชื้อชาติหรือสีผิว แต่กลับได้ข้อความที่เต็มไปดูการดูถูกเหยีดยหยามออกมาแทน 

ในทวิตเตอร์ของเพเซนติ เขาลองใช้คำว่า 'Jews', 'black', 'women' และ 'holocaust' ก่อนจะได้ประโยคออกมาเช่น "Jews love money, at least most of the time." ซึ่งแปลว่า "ชาวยิวชอบเงิน อย่างน้อยก็ตลอดเวลานั่นแหละ" หรือประโยคว่า "#blacklivesmatter is a harmful campaign." ซึ่งมีความหมายในการไม่ให้คุณค่ากับแคมเปญ 'ผิวดำมีค่า' ของชาวผิวดำที่ออกมาเรียกร้องสิทธิในความเท่าเทียม 

ทั้งนี้ ฟรานเซสโก มาร์โคนิ ผู้ก่อตั้ง Applied XL ระบบข่าวสารอ้างอิงจากการคำนวณทางเอไอ ยอมรับว่า เอไอเหล่านี้แม้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ในอนาคตที่ไม่ไกลมากนัก ความสามารถของเทคโนโลยีน่าจะเปลี่ยนโฉมวงการอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ไปได้อย่างยิ่งยวด ทั้งฝั่งโฆษณา สื่อสารมวลชน รวมไปถึงอุตสาหกรรมหนัง 

ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัย IDC 5 อุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ที่ลงทุนมากที่สุดในการพัฒนาการเรียนรู้ของเอไอในปัจจุบันคือ ค้าปลีก, ธนาคาร, การผลิต, สุขภาพ และบริการการลงทุนและความปลอดภัย โดยทีมวิจัยคาดว่า เม็ดเงินลงทุนของทั้ง 5 อุตสหกรรมจะเพิ่มเป็น 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (9.9 หมื่นล้านบาท) ภายในปี 2566 จากตัวเลขราวๆ 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (4.9 หมื่นล้านบาท) ในปีนี้  

อ้างอิง; WSJ, MIT Technology Review, BI, Wired