ไม่พบผลการค้นหา
ย้อนชมภาพถ่ายเหตุการณ์สำคัญของ 'โดนัลด์ ทรัมป์' ก่อนปิดฉากประธานาธิบดีผู้มีทั้งเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสร้างข้อโต้เถียงมากมาย ตลอดวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี

20 ม.ค. 2560 'โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์' ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ ตลอดระยะเวลา 4 ปีของการดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีผู้มีเอกลักษณ์รายนี้ มีเรื่องราวและสร้างข้อถกเถียงมากมายตลอดระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ 'วอยซ์' คัดเลือกภาพเหตุการณ์สำคัญที่ถูกถ่ายผ่านเลนส์สำนักข่าวต่างชาติ ให้ชมเพื่อย้อนเรื่องราวอันสุดโลดโผนของผู้นำสหรัฐฯ รายนี้

ทรัมป์
  • "ข่าวปลอม"

ผู้คนที่สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ รวมตัวกันอย่างตาในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 20 ม.ค. 2560 โดยทรัมป์กล่าวหาบรรดาสื่อมวลชนหลายแห่งว่า บิดเบือนให้จำนวนผู้ร่วมงานน้อยเกินจริง อีกทั้งยังเทียบบรรยากาศงานให้ดูเงียบเหงากว่าครั้งพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีบารัก โอบามา 

ทรัมป์
  • "Make America Great Again"

เป็นคำขวัญที่โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้มาตั้งแต่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งคราวก่อน คำขวัญนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 2522 เมื่อคราวที่สหรัฐอเมริกาประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ และถูกใช้ครั้งแรกในสมัยประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งปี 2523 

ประธานาธิบดีทรัมป์ได้นำคำขวัญดังกล่าว มาใช้เป็นเครื่องหมายการค้า และใช้ในการรณรงค์หาเสียงต่อฝ่ายที่สนับสนุนเขา โดยเฉพาะหมวกเบสบอลสีแดงที่มีคำดังกล่าว 

ทรัมป์
  • "America First"

ด้วยนโยบายอเมริกาต้องมาก่อนของทรัมป์ ได้สร้างความตึงเครียดให้กับความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับชาติพันธมิตรใกล้ชิดจำนวนมาก โดยเฉพาะบรรดาชาติสมาชิกกลุ่มจี 7 โดยภาพนี้ถูกเผยแพร่โดยสำนักนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ระหว่างการหารือของสุดยอดผู้นำกลุ่มจี 7 ที่แคนาดา เมื่อเดือน มิ.ย. 2561 ท่ามกลางความตึงเครียดของหลายชาติ จากการที่สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กกล้าในอัตรา 25% และภาษีอลูมิเนียม 10% จากสหภาพยุโรปและแคนาดา

000_8YY8XT.jpg
  • "คิมจองอึน"

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พบปะหารือครั้งประวัติศาสตร์กับผู้นำสูงสุดเกาหหลีเหนือเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2561 ที่ประเทศสิงคโปร์ นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่ผู้นำสหรัฐฯ นั่งโต๊ะเจรจาหารือกับผู้นำของชาติที่เป็นคู่ขัดแย้งมานาน

หลังการพบปะกันครั้งแรก ทั้งสองผู้นำได้นัดหารือร่วมกันอีกครั้งที่กรุงฮานอยของเวียดนาม แต่สุดท้ายผลการหารือก็ล้มเหลว จากการประเด็นเรื่องการยับยั้งโครงการอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี รวมถึงการที่สหรัฐปฏิเสธยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้นำทั้งสองได้พบปะกันในครั้งสุดท้ายที่บริเวณหมู่บ้านปันมุนจอม บริเวณเขตปลอดทหารของทั้งสองชาติ ซึ่งทรัมป์ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนแรกที่ก้าวข้ามเส้นแบ่งเขตแดนเข้าไปยังฝั่งเกาหลีเหนือ

ทรัมป์
  • "ฉีกคำแถลง"

แนนซี เพโลซี ฉีกสำเนาคำแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บนบัลลังก์ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ หลังทรัมป์แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้นเมื่อ ก.พ. 2562 ตอกย้ำให้เห็นถึงความแตกแยกระหว่างเดโมแครตกับคณะบริหารทรัมป์ หลังการฉีดสำเนาคำแถลง เพโลซีกล่าวว่าทำในสิ่งที่ใคร่ครวญว่าเป็นความสุภาพแล้ว เพราะคำแถลงนโยบายของทรัมป์ล้วนมีแต่ข้อมูลเท็จและเป็นคำพูดสกปรก

อย่างไรก็ตาม นอกจากการฉีกสำเนาคำแถลงแล้ว ท่าทางการปรบมือเพโลซียังเป็นการแสดงเย้ยหยันหลังทรัมป์อ่านแถลงนโยบายเสร็จสิ้น ซึ่งท่าทางดังกล่าวถูกพูดถึงการเป็นวงกว้างโดยได้รับฉายาว่า "ท่าปรบมือสไตล์เพโลซี"

ทรัมป์
  • "จีน"

การประชุมผู้นำประเทศกลุ่มจี 20 ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 2562 นับเป็นครั้งสุดท้ายที่ทรัมป์ ได้มีโอกาสหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง แบบตัวต่อตัว ท่ามกลางประเด็นข้อพิพาทในสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่เริ่มมาตั้งแต่มาตรการตั้งกำแพงภาษี ไปจนถึงความข้อขัดแย้งประเด็นคำสั่งแบนบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งของจีน อาทิ หัวเว่ย และ แซดทีอี อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลใหม่ของโจ ไบเดน หลายฝ่ายคาดหวังว่า ความเข้มงวดในสงครามการค้าระหว่างสองชาติอาจผ่อนคลายลง แต่ไม่ถึงกับสิ้นสุด

ทรัมป์
  • "BLM"

ประธานาธิบดีทรัมป์ถือพระคัมภีร์ไบเบิล ที่ด้านหน้าโบสถ์เซนต์ จอห์น ซึ่งตั้งอยู่บนถนนฝั่งตรงข้ามทำเนียบขาว เมื่อ มิ.ย. ปีที่ผ่านมา ช่วงที่มีการชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มสนับสนุนคนผิวสี (Black Live Matter) ในกรุงวอชิงตันดี.ซี. โดยผู้นำสหรัฐฯ เดินทางไปยังโบสถ์ดังกล่าวหลังมีการใช้สเปรย์พริกไทยและระเบิดแสงเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม แม้จะเป็นการชุมนุมโดยสงบก็ตาม 

อย่างไรก็ดี หลังเหตุการณ์นี้ บรรดาผู้นำทางศาสนาหลายฝ่ายในสหรัฐฯ ได้แสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อการกระทำของทรัมป์ โดยตำหนิว่าเป็นการใช้ศาสนาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

ทรัมป์
  • "ชาตินิยมผิวขาว"

กลุ่มชาตินิยมขวาจัดที่มีแนวคิดเชิดชูคนผิวขาว รวมตัวชุมนุมถือคบเพลิงเดินขบวนใจกลางเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ ในรัฐเวอร์จิเนีย เมื่อ ส.ค. 2560 เพื่อแสดงพลัง หลังเกิดเหตุการณ์มีผู้ขับรถพุ่งเข้าชนกลุ่มที่ต่อต้านการชุมนุมเหยียดสีผิว

แต่ผู้นำสหรัฐฯ แถลงว่าเหตุดังกล่าวเป็นความรุนแรงที่เกิดจากทุกฝ่าย และชี้ว่าทั้งฝ่ายกลุ่มชาตินิยมผิวขาว และกลุ่มต่อต้านการเหยียดผิวมีส่วนผิดพอกัน ซึ่งหลังการแถลงดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจอย่างมาก ส่งผลให้ทรัมป์ต้องแถลงข่าวแก้ โดยประณามกลุ่มคนเชิดชูคนผิวขาวแทน เหตุการณ์นี้ ยังเป็นสิ่งที่ทำให้ โจ ไบเดน ตัดสินใจลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับทรัมป์ด้วย

ทรัมป์
  • "เลือกตั้ง"

ประธานาธิบดีทรัมป์ ขณะกำลังขึ้นปราศรัยหาเสียง ที่สนามบินเซซิล ในเมืองแจ็กสันวิล รัฐฟลอริดา 24 ก.ย. โดยรัฐฟลอริดาเป็นหนึ่งในสมรภูมิที่ทั้งเดโมแรคต และรีพับลิกันขับเคี่ยวอย่างดุเดือด เนื่องจากมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งถึง 29 เสียง ซึ่งแม้ในศึกการเลือกตั้งเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาทรัมป์ จะสามารถคว้าคะแนนเสียงจากรัฐฟลอริดาได้สำเร็จ แต่คู่ชิงอย่างโจ ไบเดน กลับสามารถคว้าคะแนนจากรัฐจอร์เจีย ซึ่งมีคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียง นับเป็นชัยชนะของเดโมแครตในรัฐจอร์เจียครั้งแรกรอบเกือบ 20 ปี

ทรัมป์
  • "บุกสภา"

กลุ่มผู้สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อจลาจลบุกเข้าไปภายในอาคารรัฐสภาใจกลางกรุงวอชิงตัน ซึ่งกำลังมีการประชุมเพื่อรับรองผลชัยชนะของ โจ ไบเดน โดยเหตุนี้เกิดหลังทรัมป์ขึ้นปราศรัยปลุกระดมให้ผู้สนับสนุน "เดินทางไป" ที่อาคารรัฐสภาเพื่อหยุดยั้งการขโมยคะแนนเสียง 

เหตุจลาจลนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน และทรัมป์ได้ถูกสภาคองเกรสยื่นญัตติถอดถอนจากตำแหน่ง กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกยื่นถอดถอนถึง 2 ครั้ง