ไม่พบผลการค้นหา
ผบ.ตร.แถลงเตรียมปรับยุทธวิธีรับมือเยาวชนปะทะ คฝ. ไม่บุกตามซอย-ชุมชน เน้นถนนใหญ่ มุ่งทำความเข้าใจพ่อแม่ ทำความเข้าใจเหตุจูงใจเยาวชน พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่หน้างานที่กดดันหนัก บาดเจ็บทุกวัน แต่เน้นย้ำต้องทำตามกรอบกฎหมาย

21 ส.ค.2564 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงข่าวหลังการประชุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ช่วง 2-3 วันนี้มีข่าวการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เราได้พูดคุยกันในรายละเอียด บก.ชน.ได้ชี้แจงรายละเอียดหลายส่วน และต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อมีคำตอบให้กับสังคมที่ตั้งคำถามว่าเราใช้ความรุนแรงจริงไหม อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ต้องให้กำลังผู้ทำงานด้วย เพราะการทำหน้าที่มันอยู่ภายใต้ความกดดันที่สูงมาก สถานการณ์ตอนนี้มันมีการเปลี่ยนแปลงในหลายรูปแบบเดิม ตำรวจต้องบริหารจัดการรักษาความสงบเรียบร้อยในเรื่องการชุมนุม การกำกับการดูแลความปลอดภัย ในขณะเดียวกันก็บังคับใช้กฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายในลักษณะการชุมนุม

"แต่วันนี้มันไม่ใช่แค่นั้น เป็นการจัดการคนที่ใช้ความรุนแรงซึ่งไม่ใช่การชุมนุม แต่เป็นการกระจายตัวก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ และเป็นการขยายตัวปฏิบัติการในพื้นที่วงกว้าง เจ้าหน้าที่ก็ต้องปรับยุทธวิธี จัดเป็นชุดปฏิบัติการขนาดเล็กเพื่อสกัดกั้น จับกุม ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่า ขณะนี้ผู้ที่ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นเยาวชน จากที่ทราบและจากการรายงาน ผบช.น. บอกว่า เมื่อวานจับ 24 คนเป็นเยาวชนซะ 11 คน นี่เป็นปัญหาของเจ้าหน้าที่แล้วว่า ไม่ใช่เรื่องของม็อบแต่เป็นเรื่องการก่อเหตุ ระเบิดปิงปอง หัวน็อตยิง ตำรวจต้องจัดกำลังเข้าไประงับยับยั้งจับกุม พื้นที่ก็กว้างขวาง หลายจุดพร้อมๆ กัน ที่สำคัญคือ เป็นการจัดการกับเยาวชน"

"ในสถานการณ์เวลานั้นๆ เจ้าหน้าที่คงแยกไม่ได้ว่าอันนี้เป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก เราก็ต้องกลับมาทบทวนยุทธวิธี มาตรการต่างๆ กันใหม่อีกรอบว่าจะทำอย่างไรจะสามารถจัดการปัญหานี้ได้ แล้วไม่เกิดเรื่องที่สังคมไม่สบายใจ เจ้าหน้าที่ก็ไม่สบายใจ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ ขณะเดียวกันเราก็ต้องให้กำลังใจผู้ปฏิบัติ เขาอยู่ในสถานการณ์ที่พร้อมจะบาดเจ็บเมื่อไรก็ได้ เราก็เจ็บทุกวัน ผมก็พยายามทำเข้าใจทุกระดับชั้น ต้องดูแลผู้บังคับบัญชาให้ใกล้ชิด เน้นเรื่องข้อกำหนด กฎกติกาต่างๆ ตามกฎหมาย เรื่องยุทธวิธี เรื่องกฎการปะทะ การใช้อาวุธต่างๆ ต้องอยู่ภายใต้กรอบ วันนี้ก็คงได้เห็นว่า หลังจากนี้ไปเราจะมีการปรับยุทธวิธี โดยนครบาลจะบริหารจัดการ" 

ผู้สื่อข่าวถามเรื่องการทำความเข้าใจกับชุมชนแฟลตดินแดง ซึ่งมีกลายเป็นพื้นที่การปะทะด้วย ผบ.ตร.กล่าวว่า ตอนนี้ก็คุยกันว่า ในพื้นที่พักอาศัย พื้นที่ชุมนุม ยากต่อการปฏิบัติ เราก็จะไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าแล้ว หากเข้าไปจะเกิดผลกระทบ เน้นพื้นที่ถนนใหญ่ หากมีการทำลายทรัพย์สินราชการหรือทำร้ายเจ้าหน้าที่จะจัดการตรงถนนใหญ่ ตรอกซอกซอยไม่อาจเข้าได้ เพราะกระทบที่อยู่อาศัย จะปรับพื้นที่ปฏิบัติการ 

"ที่ผ่านมา เราพยายามรักษาพื้นที่ ต้องพิจารณาหลายประเด็น หนึ่ง เป็นพื้นที่ที่ทางยุทธวิธีเราต้องได้เปรียบ เราสามารถรักษาพื้นที่ได้ ลดการปะทะให้น้อยที่สุด ไม่ใช่เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปลอดภัย แต่เราต้องการให้ประชาชนปลอดภัยด้วยกัน ถ้ามันเกิดปัญหากระทบที่พักอาสัยก็ต้องปรับ เราพยายามจะปรับไปเรื่อยๆ พี่น้องประชาชนที่เกิดผลกระทบก็ได้พูดคุยกับนครบาลแล้วว่า พยายามส่งทีมงานพบปะพูดคุยทำความเข้าใจ ถ้าเกิดความเดือดร้อนอะไรก็ยพายามเข้าไปดูแล โดยเฉพาะแฟลตดินแดง"  

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า พื้นที่ดินแดงจะมีการปะทะยืดเยื้ออีกนานไหม ผบ.ตร.กล่าวว่า การจัดการ เจ้าหน้าที่ทำได้เท่าที่กฎหมายกำหนด ใช้กฎหมายธรรมดาจัดการ มีการจับกุมทุกวัน ขณะเดียวกันก็พยายามเข้าถึงต้นตอปัญญา เข้าไปพูดคุยกับพ่อแม่ผู้ปกครองของเยาวชน พยายามจะคัดแยกกลุ่มนี้ ตนไม่อยากจะระบุชื่อสถาบัน ระบุชื่อจังหวัด แต่ตอนนี้มีการจัดการเรื่องพวกนี้อยู่ มีการพบปะพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจว่าน้องๆ เยาวชนมาแบบนี้ เหตุผลลึกๆ คืออะไร เราตามอยู่ แต่รายละเอียดไม่อยากเปิดเผยกันตรงนี้ และยังมีการดำเนินคดีกับแกนนำที่เรามองว่าเป็นจุดที่ดึงเด็กออกมา...แต่ปัญหาของเราตอนนี้เราต้องดีลกับเยาวชนเป็นหลัก เราต้องปรับยุทธวิธี"

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ คฝ.ยิงกระสุนยางไปยังผู้ขับขี่จักรยานยนต์ที่อ้างว่าไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมแต่อย่างใด ผบ.ตร.ตอบว่า ต้องถามเหตุถามผลที่ปฏิบัติอย่างนั้นว่าเพราะอะไร และต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์การปะทะ การตัดสินใจไม่ใช่ของเจ้านาย เราส่งคนของเราเข้าไปทำงานในฐานะที่เขาก็ไม่รู้ว่าจะโดนหัวน็อตยิงหัวเมื่อไร ในการตัดสินใจปฏิบัติการจึงไม่อยากโทษใคร แต่เราต้องพยายามหาวิธีหลีกเลี่ยงไม่ได้เกิดเรื่องพวกนี้

"พยายามทำความเข้าใจกับเด็กๆ ว่า เราต้องอดทน เขาเล่นเฟาวล์ได้ เราเล่นฟาวล์ไม่ได้ เราเป็นเจ้าหน้าที่เราต้องอดทน" 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การยิงกระสุนยางระยะประชิด หรือยิงเหนือเข่าขึ้นมาถือว่าผิดหลักสากลหรือไม่ ผบ.ตร.ตอบว่า ต้องดูเหตุดูผล ทางครบาลต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องพวกนี้ อย่างไรก็ตาม การเขียนหลักเกณฑ์การใช้อุปกรณ์ เป็นการเขียนกาว้างๆ ต้องดูเป็นเรื่องๆ ไป เช่น ในหลักการบอกให้ยิงวิถีโค้ง แต่บางสถานการณ์จำเป็นก็ต้องยิงตรง เพราะเราต้องการไม่ให้คนส่วนใหญ่เข้าใกล้ ทำไมไม่อยากให้เข้าใจ ก็เพราะรู้ว่าเขามีระเบิดขว้าง เราต้องให้เขาอยู่ห่างจากเรา เราก็ต้องใช้อุปกรณ์ และหากยิงโค้งมันก็ไม่ได้ประโยชน์ บางทีเราอาจต้องยิงตรง ลงพื้น ยิงไปข้างๆ ไม่ได้แปลว่าหลักการนั้นตายตัว ต้องดูเป็นเรื่องๆ