ไม่พบผลการค้นหา
ผู้แต่งหนังสือ ‘แฮร์รี พอตเตอร์’ ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเกลียดกลัวคนข้ามเพศ จนนำไปสู่การโต้เถียงกันระหว่างฝ่ายสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศกับกลุ่มสตรีนิยมสุดโต่ง

เจเค โรว์ลิง ผู้แต่งหนังสือ “แฮร์รี พอตเตอร์” ทวีตข้อความเป็นกำลังใจให้ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีที่ถูกไล่ออกจากงาน หลังแสดงความเห็นว่า คนข้ามเพศไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเพศกำเนิดตัวเองได้ ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากกลุ่มที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ ที่มองว่า โรว์ลิงเป็นพวก “เกลียดกลัวคนข้ามเพศ” แต่ก็มีบางคนที่ชื่นชมว่าเธอมีจุดยืนเฟมินิสต์หรือสตรีนิยมที่เข้มแข็ง

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา 'มายา ฟอร์สเตเทอร์' ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพิ่งจะแพ้คดีที่เธอฟ้องร้องอดีตนายจ้าง จากกรณีที่เธอวิพากษ์วิจารณ์แผนของรัฐบาลอังกฤษที่จะอนุญาตให้คนสามารถเลือกระบุเพศของตนเองโดยไม่ต้องตรงกับเพศกำเนิดก็ได้ โรว์ลิงจึงทวีตข้อความว่า“แต่งตัวอะไรก็ได้ตามที่คุณพอใจ จะเรียกตัวเองว่าอะไรก็ได้ตามที่คุณชอบ นอนกับผู้ใหญ่คนไหนก็ได้ที่ยินยอมจะนอนกับคุณ ใช้ชีวิตของคุณอย่างสันติและความมั่นคงปลอดภัย แต่บังคับให้ผู้หญิงต้องออกจากงาน เพราะบอกว่าเพศเป็นเรื่องจริงเนี่ยนะ?” พร้อมกับติดแฮชแท็ก #IStandWithMaya เพื่อเป็นกำลังใจให้กับมายา ฟอร์สเตเทอร์

กลุ่มเฟมินิสต์สุดโต่งได้ออกมาชื่นชมโรว์ลิงว่ายึดมั่นในหลักการของสตรีนิยมได้อย่างเข้มแข็ง และเพศของมนุษย์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะเป็นเรื่องทางชีววิทยา ส่วนการอนุญาตให้คนเลือกได้เองว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็จะบั่นทอนสิทธิสตรีและการปกป้องผู้หญิงและเด็กผู้หญิงกลุ่มเสี่ยง

อย่างไรก็ตาม ทวีตของโรว์ลิงทำให้แฟนหนังสือที่เป็นคนหลากหลายทางเพศหลายคนรู้สึกผิดหวังกับจุดยืนของเธอ และจุดยืนเรื่องสิทธิของคนข้ามเพศก็ดูจะตรงกันข้ามกับจิตวิญญาณของหนังสือแฮร์รี พอตเตอร์ ซึ่งพูดถึงเรื่องการโอบรับความหลากหลายและภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของตัวเอง และเธอก็บอกเองว่า ดัมเบิลดอร์ก็เป็นเกย์

กลุ่มนักเคลื่อนไหวเรื่องความเท่าเทียมทางเพศกล่าวว่า จริงๆ แล้ว เฟมินิสต์ควรจะต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางเพศของคนทุกคน เรียกร้องให้ผู้หญิงมีสิทธิเสรีภาพ มีความเสมอภาคกับผู้ชาย และหลักการเรื่องความเท่าเทียมทางเพศก็ควรจะนำมาใช้กับกลุ่มหลากหลายทางเพศด้วยเช่นกัน

เจเคโรว์ลิงถูกเรียกว่าเป็น TERF ที่ย่อมาจาก trans-exclusionary radical feminist ซึ่งเชื่อเรื่องทวิลักษณ์ทางเพศ คือการมีเพศเพียงชายและหญิงเท่านั้น ไม่มีเฉดความหลากหลายทางเพศ ซึ่งเป็นแนวคิดคิดของสตรีนิยมยุค 60s และ 70s ที่ให้ความสำคัญกับร่างกายผู้หญิงและมองว่าคนข้ามเพศเป็นภัยต่อผู้หญิง


ทำไมรัฐบาลจะอนุญาตให้เลือกระบุเพศเองได้?

ปัจจุบันการขอเปลี่ยนเพศที่ระบุในเอกสารราชการของสหราชอาณาจักร จะต้องยื่นเอกสารต่างๆ รวมถึงต้องได้รับการรับรองการข้ามเพศจากแพทย์ก่อน จึงจะสามารถเปลี่ยนเพศได้อย่างเป็นทางการ แต่รัฐบาลอังกฤษระบุว่า กระบวนการในการขอเปลี่ยนเพศที่คนข้ามเพศต้องทำ กลายเป็น “ภาระด้านบริหารที่รุกล้ำความเป็นส่วนตัว เสียเงิน และน่าอาย” จึงพิจารณาว่าจะอนุญาตให้คนข้ามเพศสามารถเปลี่ยนเพศของตัวเองได้ โดยไม่ต้องมีการทดสอบทางการแพทย์ก่อน

กระบวนการขอเปลี่ยนเพศในปัจจุบัน จะต้องให้แพทย์ประเมินก่อนว่า ผู้ขอเปลี่ยนเพศมีภาวะความทุกข์ใจในเพศสภาพ หรือ gender dysphoria เนื่องจากสำนึกทางเพศของตัวเองไม่ตรงกับร่างกาย

อย่างไรก็ตาม เฟมินิสต์มองว่า การให้คนเลือกเพศเองได้ก็อาจทำให้คนที่มีร่างกายเป็นชายสามารถเข้าไปใช้พื้นที่ที่ออกแบบมาให้ผู้หญิงรู้สึกปลอดภัย เช่น ที่พักหญิงล้วน โดยเฮเลน แซ็กส์บี นักเขียนและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีกล่าวว่า “หากทุกคนถูกบังคับให้บอกว่าคนข้ามเพศคือผู้หญิง สิทธิสตรีก็จะหายไปในชั่วข้ามคืน เหลือแต่สิทธิประชาชน สิทธิประชาชนเอื้อประโยชน์ให้ผู้ชายมากกว่า เพราะสังคมใช้ผู้ชายเป็นเกณฑ์”

ที่มา : CNN, The Guardian, TIME