ไม่พบผลการค้นหา
ส.ส.พลังปวงชนไทย ซักฟอกนายกฯ พ่วงชำแหละคุณสมบัติ 'ธรรมนัส' แจ้งทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เป็นเท็จมีรายได้จากขายหวยเดือนละ 3 ล้านบาท ทั้งที่หลังยึดอำนาจไม่มีโควตาสลากแล้ว ด้าน 'ธรรมนัส' แจงรายได้เดือนละ 3 ล้านมาจากค่าเช่าแผงข้างสำนักงานสลากฯ

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลนั้น นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย อภิปรายว่า ขออภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่แต่งตั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ เป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ ทั้งที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม

ก่อนหน้านี้ร.อ.ธรรมนัส แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.ว่า มีรายได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เดือนละ 3ล้านบาท แต่ตนมีข้อเท็จจริงว่า ร.อ.ธรรมนัส ไม่มีโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ว หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการกองสลาก ปี 2558 เพื่อแก้ปัญหาขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา ทำให้บริษัทที่มี ร.อ.ธรรมนัสเป็นหุ้นส่วนได้รับโควตาสลาก ถูกริบโควตา ดังนั้น ร.อ.ธรรมนัสไม่ควรมีรายได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เชื่อว่า ร.อ.ธรรมนัส แจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ ส่วนเรื่องราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลแพงนั้น ราคาต้นทุนอยู่ที่ใบละ 70.40 บาท แต่พ่อค้าแม่ค้าเอามาขายใบละ 100 บาท แต่ได้กำไรแค่ใบละ 5 บาท แสดงว่า นายทุนใหญ่จะได้กำไรตกใบละ 25บาท ตนจึงถามว่า พ่อค้าแม่ค้าว่า หากอยากได้โควตาสลาก ต้องทำอย่างไร เขาตอบว่าให้ไปถามบิ๊กป้อม ทุกวันนี้พิมพ์สลากต่องวดละ 100 ล้านฉบับ จากเดิมพิมพ์ 60-70 ล้านฉบับ เขาเล่ากันว่า จัดสรรให้ร.อ.ธรรมนัสดูแล 80 ล้านฉบับ หากนำไปขายจะทำให้กำไรกว่า 300 ล้านบาทต่องวด และนำเงินที่ได้มาดูแลคนตรงนี้ แต่ตนไม่เชื่อจึงอยากให้ช่วยชี้แจง

นิคม พลังปวงชนไทย 0226_0002.jpg

'ธรรมนัส' แจงรายได้เดือนละ 3 ล้านมาจากค่าเช่าแผงข้างสำนักงานสลากฯ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงกรณียศทหารของตนว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2541 ได้มีการลงนามพระบรมราชโองการโปรดเกล้าพระราชอนุญาตให้ถอดยศ ร.ท.พชร พรหมเผ่า สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด ตั้งแต่ 9 ก.ย. 2541 เหตุผลประพฤติตัวไม่สมควรกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ. 2476 โดยมีนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีขณะนั้นรับสนองพระบรมราชโองการ แต่ตนก็มีหนังสือของกระทรวงกลาโหมอีกฉบับว่าด้วยการเลื่อนยศนายทหารสัญญาบัตร โดยอาศัยอำนาจม.3 ของพรบ.ยศทหารพ.ศ. 2475 ให้เลื่อนยศนายทหารสัญญาบัตรในสังกัดบก.ทหารสูงสุดซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนตามระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งยศและการเลื่อนยศของข้าราชการทหารปี 2541 เป็นว่าที่ร้อยเอก อันดับ1 ร.ท.พชร พรหมเผ่าหมายเลขประจำตัว 1 2 7 2 5 0 0 3 1 1 ลงชื่อโดย พล.อ.วัฒนชัย วุฒิศิริ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหมทำการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงวันที่ 1 มิ.ย. 2541 แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความสับสนคือเนื่องจากประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับลงวันที่ 24 ต.ค. 2541 เรื่องการถอดยศร้อยโท แต่อีกคำสั่งหนึ่งลงววันที่ 1 มิ.ย. 2541 ซึ่งถึงเดือน ต.ค. ก็เป็นระยะเวลาหลายเดือน ดังนั้นจึงเกิดความสับสน

“ผมไม่เคยคิดที่จะแอบอ้างในเรื่องยศฐาบรรดาศักดิ์ ชีวิตผมที่ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ การทำมาหากินหรือทำอะไรก็ตาม ก็ไม่เคยที่จะเอายศฐาบรรดาศักดิ์มาแอบอ้างในการทำมาหากิน ชี้แจงทรัพย์สินต่อปปช .และสมัครส.ส.ผมก็ใช้คำว่านายธรรมนัส พรหมเผ่า แต่เมื่อมีการนำชื่อเสนอขึ้นโปรดเกล้าก็มีการถกเถียงกันหลายประเด็น ตนพยายามหาหลักฐานสรุปแล้วยศตนยังอยู่หรือไม่ แต่ก็หาข้อสรุปไม่ได้ จึงมีความจำเป็นเมื่อได้รับโปรดเกล้าให้ใช้ชื่อร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยเกษตรก็ใช้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาไม่ใช่ประเด็นที่ตน ใช้ยศอำนาจเพื่อได้เปรียบเชิงการเมืองเลย 

ส่วนประเด็นเรื่องการค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลตนไม่ปฏิเสธว่าก่อนที่จะเข้าสู่การดำรงตำแหน่งทางการเมืองในฐานะส.ส ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. 2562 ตนมีอาชีพเป็น 1 ใน 5 เสือกองสลากกินแบ่งรัฐบาล มันผิดหรือที่ตนจะมีอาชีพเป็นผู้ค้าสลากรายใหญ่ ขออย่ามองเห็นผู้ค้าสลากรายใหญ่เป็นโจรหรือเป็นผู้เอารัดเอาเปรียบทางสังคม 5 เสือกองสลากเขาก็มีคุณธรรมไม่ใช่จะเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค แต่เมื่อนโยบายรัฐบาลชุดที่แล้วไม่ให้มี 5 เสือหรือผู้จำหน่ายฉลากรายใหญ่  ตนได้รับสัมปทานในฐานะเป็นคู่สัญญากับกองสลากครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2558 ประธานบอร์ดมีนโยบายว่าสลากการกุศลหรือสลากกินแบ่งรัฐบาลจะต้องถูกจำหน่ายโดยผ่านธนาคารกรุงไทย หรือผ่านองค์กรกุศลในจำนวนที่เป็นไปตามข้อบังคับ หรือระเบียบของสำนักงานสลากฯ วันที่ 4 ส.ค. 2558 คือครั้งสุดท้ายที่ตนอยู่ในฐานะที่เป็นคู่สัญญากับกองสลากฯ

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า จนถึงทุกวันนี้ตนไม่มีสัมปทานหรือมีคู่สัญญากับสำนักงานสลากฯแม้แต่เล่มเดียว แต่ที่ได้สำแดงทรัพย์สิน รายได้ว่ามาจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเดือนละ 3 ล้านบาท คงเข้าใจผิดว่าตนยังเป็นคู่สัญญากับสำนักงานสลาก ขอเรียนว่ารายได้จากการทำธุรกิจในส่วนของสลากกินแบ่งเดือนละ 3 ล้านคือที่ตนเช่าแผงค้าสลากที่ข้างสำนักงานสลากฯ ซึ่งเป็นการเช่าช่วงจากเจ้าของตลาด ตนมีแผงค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลเกือบ 10 แผง เพราะจำเป็นต้องหล่อเลี้ยงลูกค้าของตนที่ทำธุรกิจเรื่องสลากกันมาเกือบ 10 ปี เพราะสมัยที่ตนเป็นเจ้าของสัมปทาน ลูกค้าเหล่านั้นมารับสลากจากตนไปขายในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ ตนจึงจำเป็นต้องประคองชีวิตของพ่อค้าผู้มีอาชีพเหล่านั้นให้มีอาชีพต่อไป ถึงแม้ว่ารายที่เคยได้รับจะลดน้อยลง แต่เขาก็สามารถที่จะทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวให้อยู่รอด ดังนั้นตนเปิดแผงค้าเกือบประมาณ 10 แผงเพื่อไว้รับซื้อ และจำหน่ายสลากเหมือนเดิม

“การทำอาชีพนี้ผมถือว่าเป็นอาชีพสุจริต แม้เราจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือ ส.ส.ก็ตาม การเป็นรัฐมนตรีถือว่าสาหัสพออยู่แล้ว แต่สถานะการเป็นส.สโดยเฉพาะผู้แทนตลาดล่าง เงินเดือนแต่ละเดือนจากการได้รับจากรัฐบาลประมาณ 120,000 บาท ถามว่างานแต่ละงานในฐานะการเป็นสส. มันเลี้ยงพวกเราได้หรือไม่ ใครไม่เป็นผู้แทนจากเขตไม่รู้หรอก ยกตัวอย่างส.ส.บ้านผมดูแลพื้นที่พะเยามีกี่อำเภอ อบต.หมู่บ้าน ออกจากบ้านก็เสียเงินแล้ว สิ้นเดือนยิ่งกว่าสิ้นใจเงินไม่พอ ผมเชื่อว่า ส.ส. ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาลต่างก็ตระหนักดีว่าเราต้องทำมาหากินเหมือนกัน ไม่ใช่นั้นอยู่ไม่ได้“ ร.อ.ธรรมนัสกล่าว