ไม่พบผลการค้นหา
คนการเมือง วางพวงมาลา 45 ปี 6 ตุลา 19 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 'พิธา-ธนาธร' ร่วมงาน ไฮไลท์ 'กลุ่มทะลุฟ้า' จัดพวงมาลาประดับรองเท้าคอมแบทเปื้อนเลือด ใครฆ่าพี่เรา ไม่ลืม 'พิธา' ย้อนอดีต 45 ปี ประวัติศาสตร์ยังไม่ได้ชำระ วัฒนธรรมลอยนวลยังคงอยู่ ไม่มีผู้รับผิดต่อเหตุการณ์

คณะจัดงาน รำลึก 45 ปี 6 ตุลา 2519 จัดกิจกรรมที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยมีบุคคลการเมือง ตัวเเทนพรรคการเมือง เเละคนเดือนตุลา ร่วมวางพวงมาลาต่อเนื่อง อาทิ พิธา ลิ้มเจริญรัตร์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรณิกา วานิช ตัวเเทนคณะก้าวหน้า อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรคคเพื่อไทย ตัวเเทนพรรคไทยสร้างไทย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จาตุรนต์ ฉายแสง เป็นต้น

LINE_ALBUM_211006_2.jpgLINE_ALBUM_211006_3.jpg

นอกจากนี้บรรยากาศภายในงาน มีหน่วยงาน กลุ่มกิจกรรม ร่วมนำพวงมาลามาร่วมงาน เเละที่เป็นไฮไลท์ คือ กลุ่มทะลุฟ้า จัดพวงมาลาประดับรองเท้าคอมแบทเปื้อนเลือด ระบุข้อความ “ใครฆ่าพี่เรา ไม่ลืม “ พร้อมยืนรวมกลุ่มสงบนิ่ง ชูรูปผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมระบุข้อความ “6 ตุลา ลืมไม่ได้ จำไม่ลง” นอกจากนี้กลุ่มทะลุฟ้ายังได้นำหุ่นคล้ายศพ มาสาดสีเเดงพร้อมป้ายผ้า 112 มรดก 6 ตุลา ที่บริเวณด้านหน้าคณะนิติศาสตร์ 

LINE_ALBUM_211006_5.jpg

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ ว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา ที่วนมาทุกปี สะท้อนให้เห็นถึงอดีต จนถึงปัจจุบันที่ยังคงมีความรุนเเรงที่ดินเเดง สิ่งที่เเต่ละปีพากลับมา คือรากเหง้าของปัญหา ใน 45 ปีที่ยังไม่มีการชำระ เป็นความรุนเเรงจากรัฐที่จัดการคนเห็นต่าง เเละวัฒนธรรมลอยนวลยังคงอยู่ ยังไม่มีผู้รับผิดต่อเหตุการณ์ 

ในเดือน สิงหาคมที่ผ่านมา ยังมีเยาวชนได้รับความรุนเเรงบนท้องถนน เเละทางกฎหมาย โดยเฉพาะคดี 112 กว่า 148 คน รวมถึงมีผู้ถูกดำเนินคดีอีก 2,000 คดี สะท้อนว่ารัฐไทยยังไม่คิดที่จะรับฟังความในการเปลี่ยนเเปลงของโลกสมัยใหม่ เเละรับผิดชอบกับเหตุการณ์ ไม่คิดที่จะประนีประนอม

ดังนั้น จะให้ความขัดเเย้งทางการเมืองยุติ พรรคคก้าวไกลมองว่า รัฐต้องยุติความรุนเเรงกับประชาชน เปิดพื้นที่ปลอดภัย ให้คนยุคนี้ สามารถพูดความจริง เเละต้องเเก้ที่กระบวนการทางการเมือง ยอมรับว่าการเห็นต่างในระบอบ ประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติ 

LINE_ALBUM_211006_0.jpg

ทั้งนี้ หากมีการผลักดันผ่านระบบรัฐสภา ฟ้องร้อง ให้เกิดการรับผิดต่อเหตุการณ์ เดือนตุลา พรรคก้าวไกลก็พร้อมใช้เวทีรัฐสภา ๆ ขับเคลื่อนให้เกิดการรับผิดกับประชาชน 

ทั้งนี้ พิธายังเเสดงความพร้อม ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ส่วนคาดหวังจะเลือกตั้งเร็วๆ นี้หรือไม่ ยอมรับว่าความเป็นจริงผ่านมาเเล้วครึ่งเทอม พรรคต้องเตรียมความพร้อมสู้เลือกตั้ง ทุกติกา เเละทุกเมื่อ ส่วนคาดว่าจะมีการยุบสภาเร็วๆ นี้หรือไม่นั้น พิธาย้ำว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หมดความชอบธรรมไปนานเเล้ว เหมือนสินค้าหมดหมดอายุเหมือนจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา 

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า กล่าวด้วยว่า วันนี้มารำลึกอดีตเพื่อส่งเสียงว่าอยากเห็นอนาคตแบบไหน สังคมอยากเห็นอนาคตที่โอบอ้อมอารี และอดทนอดกลั้นต่อความเห็นที่แตกต่าง และนี่คือสิทธิเสรีภาพที่ต้องการปกป้อง และมาเพื่อป่าวประกาศสังคมไทยที่อยากเห็นและสร้างไปด้วยกัน

ด้าน พรรณิการ์ วานิช ระบุว่า 45 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นแล้วว่าความอำมหิตที่รัฐได้กระทำต่อประชาชนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ยังคงไม่มีการเรียนรู้บทเรียนจากความรุนแรง ซึ่งนี่คือสิ่งที่ประชาชนยังคงต่อสู้อยู่ในวันนี้ เหมือนดั่งที่ได้ต่อสู้มาเมื่อ 45 ปีที่แล้ว และการต่อสู้ยังคงต้องดำเนินต่อไป ฝากไปถึงพลเอกประยุทธ์ และผู้ที่ค้ำจุนอำนาจของรัฐบาลว่า อำนาจปืนไม่อาจลบล้างหรือขัดขวางอนาคตของประเทศได้ อนาคตของประเทศเป็นของประชาชน ส่วนอนาคตของพวกคุณอยู่ในเรือนจำ

LINE_ALBUM_211006.jpg

ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องยุติการใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม เพราะเป็นการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ และดำเนินคดีกับปชช.ส่วนคดีความที่มีอยู่แล้วจะต้องประชาชนและต้องใช้ระบบการเมืองในการแก้ปัญหา ไม่ใช่เรื่องอาชญากรรมที่จบกันที่ศาลอย่างเดียว หากดำเนินแบบนี้อยู่ หากยังมองเห็นเยาวชนเป็นภัยความมั่นคงทางสังคม สังคมก็จะเดินต่อไม่ได้ และต้องเปิดพื้นที่ทางการเมืองเพื่อหาจุดลงตัว และแนวทางอาจจะต้องไปถึงการนิรโทษกรรมหรือคดีโมฆะ

สำหรับพวงมาลารำลึกของพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า ได้มีการเขียนข้อความ “คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย” และ “ดาวยังพรายศรัทธาเย้ยฟ้าดิน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเพลง “แสงดาวแห่งศรัทธา” ที่ประพันธ์โดยจิตร ภูมิศักดิ์ อันเป็นเพลงที่นิยมขับขานในหมู่คนเดือนตุลา มีความหมายถึงการยืนหยัดต่อสู้ของประชาชน ที่แม้ต้องเผชิญกับอุปสรรคและความยากลำบากมากมาย แต่ก็ยังคงไม่ย่อท้อ แม้ในยามที่มืดมิดที่สุด ก็ยังคงมีแสงดาวส่องนำทางเป็นความหวังและกำลังใจให้กับการต่อสู้ต่อไป