ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ออกข้อกำหนด ผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 เปิดให้ร้านอาหาร-เครื่องดื่มสามารถจำหน่ายในร้านได้แต่ต้องจัดระเบียบ ขณะที่ร้านจำหน่ายสุรา ห้ามบริโภคในร้าน พร้อมทั้งผ่อนคลายสถานที่ออกกำลังกายเปิดได้เฉพาะพื้นที่โล่งเน้นวิ่ง ขี่จักรยาน โดยให้เจ้าของกิจการต้องมีมาตรการป้องกันโรค

วันที่ 1 พ.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 6) ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อผ่อนคลายการบังคับใช้บางมาตรการในการป้องกันและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีใจความสำคัญในข้อ 1(1) เกี่ยวกับการผ่อนคลายให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ ระบุดังนี้

(1) กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต

ก. การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มในโรงแรม ท่าอากาศยาน สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง โรงพยาบาล ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ รถเข็น หาบเร่ แผงลอย ซึ่งไม่รวมถึง สถานบริการ ผับ บาร์ ให้เปิดได้โดยอาจให้นำกลับไปบริโภคที่อื่น แต่หากเปิดให้ใช้บริการในสถานที่นั้น ก็สามารถทำได้โดยต้องจัดระเบียบการเข้าใช้บริการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคและคำแนะนำของทางราชการ

สำหรับร้านอาหารหรือเครื่องดื่มซึ่งจำหน่ายสุรา ให้เปิดได้แต่ห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน

ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้ำ คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ร้ายขายยา สินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต และร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ธนาคาร ที่ทำการหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจเท่านั้น ส่วนแผนกร้านอาหารให้เปิดได้เฉพาะการนำกลับไปบริโภคที่อื่น

ส่วนร้านค้ำปลีก ค้าส่งขนาดย่อม ร้านค้ำปลีก ค้าส่งชุมชน ตลาด ตลาดน้ำและตลาดนัด ให้เปิดได้โดยต้องควบคุมทำงเข้าออก จัดให้มีกำรตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้ให้ และผู้ใช้บริการ การเว้นระยะห่างในการเลือกสินค้ำและกำรชำระราคา

ร้านเสริมสวย แต่งผมหรือตัดผมสำหรับบุรุษหรือสตรีให้เปิดได้เฉพาะกิจกรรมสระ ตัด ซอยผม แต่งผม และต้องไม่มีผู้นั่งรอในร้าน

(2) กิจกรรมด้านการออกกำลังกายหรือการดูแลสุขภาพ

ก. โรงพยาบาล คลินิก สถานทันตกรรมหรือสถานพยาบาลทุกประเภท ที่จัดตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย

ข. สนามกอล์ฟหรือสนามฝึกซ้อมกอล์ฟให้เปิดได้แต่ต้องไม่มีผู้ชมมาชุมนุมกันหรือ เป็นกำรแข่งขัน ในกรณีของสโมสร คลับเฮาส์ หรือร้านอาหารในบริเวณดังกล่าวให้ปฏิบัติตาม (1)

ค. สนามกีฬาเฉพาะกีฬาประเภทกลางแจ้งและตามกติกาสากล ผู้เล่นต้องมีระยะห่างทางสังคมและไม่คลุกคลีกันอยู่แล้ว เช่น เทนนิส ขี่ม้า ยิงปืน ยิงธนู และต้องไม่มีผู้ชมมาชุมนุมกันหรือ เป็นการแข่งขัน ในกรณีของสโมสร คลับเฮาส์ หรือร้านอาหารในบริเวณดังกล่าวให้ปฏิบัติตาม (1)

ง. สวนสาธาราณะ ลาน - พื้นที่กิจกรรมสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกาย สนามกีฬา ลานกีฬาให้เปิดได้เฉพาะพื้นที่โล่งแจ้งเพื่อการเดิน วิ่ง ขี่หรือปั่นจักรยานหรือการออกกำลังกายด้วยวิธีอื่นเป็นส่วนบุคคล โดยไม่มีผู้ชมมาชุมนุมกันหรือเป็นการแข่งขัน การละเล่น การแสดง

จ. สถานที่ให้บริการดูแลรักษาสัตว์ สปา อาบน้ำ ตัดขน รับเลี้ยงหรือรับฝากสัตว์

ข้อกำหนดดังกล่าวยังระบุว่า ให้เจ้าของหรือผู้จัดการสถานที่ตามข้อ 1 (1)หรือ(2) ทุกประเภทมีหน้าที่รับผิดชอบการดูแลรักษาความสะอาดของสถานที่ ภาชนะและอุปกรณ์ที่ใช้ และจัดให้มีมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมหน้ากากอนามัย การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดระบบอื่น ๆ ให้เป็นไปตามคำแนะนำ เงื่อนไข และเงื่อนเวลาที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือทางราชการกำหนด เช่น การให้เข้าใช้บริการ โดยนัดหรือแจ้งล่วงหน้า การไม่ให้ผู้ใช้บริการหลายคนรออยู่ในสถานที่เดียวกัน การจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการในแต่ละคราว และเวลาการเข้าใช้บริการ ทั้งนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเข้ำตรวจและให้คำแนะนำ หรือตักเตือนห้ามปรามได้ตลอดเวลา หากพบว่ามีการฝ่าฝืนหรือเป็นอันตรายต่อการป้องกันการแพร่ของโรค ให้เสนอผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อสั่งปิดสถานที่นั้นเฉพาะราย

ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. 2563 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 5 ) ซึ่งเป็นการบังคับใช้มาตรการต่างๆ ที่ยังคงดำรงอยู่ต่อไปเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ไปสู่พื้นที่อื่น หลังมีการขยายเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค. 2563 โดยยังคงห้ามออกนอกเคหสถาน ระหว่างเวลา 22.00 น. - 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น รวมทั้งยังห้ามการดำเนินการหรือการทำกิจกรรมบางอย่างตาม พ.ร.ก.และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้ประชาชนงดหรือชะลอการเดินทำงข้ำมเขตพื้นที่จังหวัด เว้นแต่มีความจำเป็น ซึ่งต้องแสดงเหตุผลและหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยข้อกำหนดดังกล่าวให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.นี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง