ไม่พบผลการค้นหา
กรุงเทพมหานครและปริมณฑลค่าฝุ่น PM2.5 เพิ่มสูงขึ้นอยู่ในระดับเกินมาตรฐานทุกพื้นที่ ฝุ่นสะสมตัวหลังลมสงบและการจราจรหนาแน่นตั้งแต่ช่วงเช้า ขณะที่ภาคเหนือค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้นเกินมาตรฐานเช่นกันในหลายพื้นที่

นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า จากการติดตามตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล วันนี้ (17 ม.ค.) ปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ตรวจวัดได้ระหว่าง 28–60 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภาพรวมปริมาณฝุ่นละอองเพิ่มขึ้นเกือบทุกพื้นที่จากเมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) 

โดยมีเกินเกณฑ์มาตรฐาน เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพหรืออยู่ในระดับสีส้ม 10 พื้นที่ คือ ริมถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 95 เขตวังทองหลาง, ริมถนนพหลโยธิน เขตบางเขน, แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่, ริมถนนสามเสน เขตพระนคร, ริมถนนดินแดง เขตดินแดง, แขวงคลองเตย เขตคลองเตย, แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม, ริมถนนลาดกระบัง เขตลาดกระบัง, ริมถนนเจริญนคร เขตคลองสาน และริมถนนพระราม 3 - เจริญกรุง เขตบางคอแหลม 

เนื่องจากสภาพการจราจรตั้งแต่ช่วงเช้ามีปริมาณรถยนต์หนาแน่นและติดขัดในหลายเส้นทาง ทำให้ฝุ่นละอองเกิดการสะสม ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาในกรุงเทพมหานครมีลมสงบและลมอ่อนตั้งแต่ช่วงค่ำของเมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) ต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ จึงเป็นปัจจัยให้ฝุ่นละอองไม่กระจายตัว ทั้งนี้จากการเข้มงวดควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นต่างๆ ขึ้นเป็นพิเศษจำเป็นต้องเน้นควบคุมการปล่อยมลพิษจากรถยนต์ และยานพาหนะทุกประเภทเพื่อให้ภาพรวมค่าฝุ่นลดลง

ขณะที่สถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ 9 จังหวัด วันนี้ (17 ม.ค.) คุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพดีมากถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ตรวจวัดได้ระหว่าง 20-77 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีแนวโน้มค่าฝุ่นละอองเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) พบเกินมาตรฐานระดับสีส้มใน 5 พื้นที่ สาเหตุเกิดจากการเผาในที่โล่งทำให้ฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพจึงเร่งระดมสรรพกำลังลาดตะเวน และดับไฟ จัดทำแนวกันไฟ และบริหารจัดการเชื้อเพลิงควบคู่กับประชาสัมพันธ์เชิงรุกเข้าถึงประชาชนสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วม