ไม่พบผลการค้นหา
ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ยืนยันเป็นฝ่ายค้านที่ยืดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ชี้ไม่เห็นด้วยแจกเงินช่วยคนจน เพราะเงินไหลเข้ากระเป๋านายทุน พร้อมปฏิเสธ ส.ส.อีสาน ย้ายพรรคร่วมพลังประชารัฐ ห่วงมีงูเห่าเกิดขึ้นอีก ส่วนซักฟอกปมถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเดินหน้าตรวจสอบรัฐบาล ว่า เป็นหน้าที่อยู่แล้ว แม้เราจะเป็นพรรคฝ่ายค้านแต่ได้ตั้งหลักในการทำงานว่าเราจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน โดยเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง หากเรื่องใดประชาชนได้ประโยชน์ จากมาตรการที่รัฐบาลออกมา พรรคฝ่ายค้านก็จะสนับสนุน เช่น มาตรการ 3 แสนกว่าล้านบาท ที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเราเห็นด้วยที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน แต่บางมาตราการก็ไม่เห็นด้วย การพิจาณายกเลิกวีซ่านักเที่ยวจีนและอินเดีย เพราะเม็ดเงินท่องเที่ยวจะเข้าประเทศรวดเร็วมาก และจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้ดี แต่กลับถูกตีตกจากคณะรัฐมนตรี โดยใช้ความคิดแบบคนในอดีตโดยอ้างเรื่องความมั่นคง ซึ่งเหตุผลดังกล่าวทุกคนเป็นห่วงเหมือนกันหมด แต่ถ้าจะเกิดการสู้รบกันในยุคนี้ หลายประเทศใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือกันหมดแล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะเอาเหตุผลดังกล่าวมาเป็นข้ออ้าง และอยากเสนอรัฐบาลว่ามาตรการดังกล่าวเป็นประโยชน์และอยากให้ทำได้จริง

ส่วนการแจกเงินพรรคเพื่อไทยก็ไม่ขัด แต่ต้องแจกเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แจกเพื่อผ่านมือคนจน แล้วคืนกลับไปเข้ากระเป๋าของเจ้าสัวรายใหญ่ เศรษฐกิจจึงไม่ดีขึ้น

แนะอย่ากำหนดเวลาซักฟอกถวายสัตย์ฯ

ส่วนการบรรจุญัตติตามที่พรรคฝ่ายค้านยื่นในมาตรา 152 เปิดอภิปรายทั่วไป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยไม่ลงมติ กรณีกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน โดยประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กำหนดกรอบเวลาไว้เพียงแค่ 1 วันนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ไม่ควรเอาเรื่องของเวลามาเป็นตัวกำหนด แต่ควรคำนึงถึงเนื้อหา จึงอยากให้มีการพิจารณาตามเนื้อหา ซึ่งมาตรา 152 นำมาใช้เพื่อหาทางออกให้กับรัฐบาล เมื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วน ก็ควรใช้เวทีสภาหารือกัน ควรจะให้การหารือเสร็จสิ้นตามกระบวนการ อย่าใช้เวลามากำหนด ตนเองตอบไม่ได้ว่าพอหรือไม่พอ แต่หากหารือกันแล้วเห็นตรงกัน ว่าวิธีดังกล่าวได้ครึ่งวันอาจจะเสร็จ แต่ หากหารือกันแล้วไม่ลงตัว อาจจะใช้เวลามากกว่า 1 วันก็ไม่เป็นไร เพราะเป็น หนทางที่จะช่วยรัฐบาลหาทางออก ที่ทำผิดรัฐธรรมนูญยืนยันว่า ไม่ได้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อขับไล่ ซึ่ง 5 ปีที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ อาจจะเคยชินกับการใช้อำนาจมาตรา 44 ในการแก้ไขปัญหา แต่วันนี้ไม่มีอำนาจดังกล่าวแล้วจึงต้องใช้อำนาจและกระบวนการของรัฐสภาแก้ปัญหาทั้งหมด

ปัด ส.ส.อีสาน ย้ายพรรคร่วมพลังประชารัฐ ห่วงมีงูเห่าเกิดขึ้นอีก

คุณหญิงสุดารัตน์ ปฏิเสธกระแสข่าว ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทยเป็นงูเห่า ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ โดยกล่าวว่าเป็นเพียงแค่การพูดเรื่อยเปื่อยและมีมาตลอด ซึ่งส่วนตัวมองว่า เป็นการเล่นการเมืองเก่าที่น่ารังเกียจและย้อนยุค โดยการแย่งและใช้อำนาจอย่างอื่นมาต่อรองทั้งที่พรรค พลังประชารัฐแพ้การเลือกตั้งแต่ใช้อำนาจอภินิหารต่างๆ จนทำให้ได้เป็นรัฐบาล แต่ขณะนี้เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ มีความพยายามเอาผลประโยชน์ โดยเฉพาะการใช้เงินงบประมาณของประเทศ ดึงคนมาจากบ่อปลาของเพื่อน ซึ่งได้ยินมาทุกสัปดาห์แต่ทุกครั้งที่มีการโหวตในสภาเสียงของพรรคร่วมฝ่ายค้าน 246 เสียงก็ครบทุกครั้ง บางครั้งก็เกิน หากจะมีงูเห่าเกิดขึ้นอีกครั้ง ก็ฝากให้เอาไปผัดเผ็ดด้วย

ส่วนกรณีที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวชื่นชมพล.อ.ประยุทธ์ ระหว่างการลงพื้นที่ ได้มีการพูดคุยกันแล้ว ซึ่งเป็นไปตามที่ได้มีการชี้แจง ยืนยันว่า ไม่ได้ย้ายพรรคไปไหน บางครั้งกลอนอาจพาไป และเป็นการไปสะท้อนปัญหาในพื้นที่ จึงให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของพรรค

ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐตั้งเป้า จะดึง ส.ส.เพิ่ม ให้ได้ 270 เสียงนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า อยากให้ข้อคิดพรรคพลังประชารัฐว่า หากคิดจะอยู่ยาว ด้วยการกวาดต้อน ส.ส.จากพรรคอื่นเข้าไปอยู่ในพรรคตัวเอง เพื่อให้พรรคมีความมั่นคงหรือเป็นรัฐบาลที่อยู่ยาว หากมีอำนาจเงินและอำนาจรัฐ สามารถบอกบางองค์กรอิสระ ให้ใช้คดีมาบีบบังคับ แต่สิ่งที่จะทำให้รัฐบาลมีอายุสั้นหรืออายุยืน ไม่ใช่แค่มือในสภา แต่คือความศรัทธาของประชาชน และผลงานที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้หรือไม่

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวด้วยว่า อีกเรื่องที่ตนเองไม่สบายใจ คือการใช้งบประมาณแผ่นดินมาหว่าน ส.ส.ต่างพรรค ด้วยการเทงบประมาณลงไปในพื้นที่ ถ้าย้ายมาอยู่ด้วย จึงอยากเตือนพรรคพลังประชารัฐงบประมาณทั้งหมดไม่ใช่เงินในกระเป๋าส่วนตัว แต่หากประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐจะควักเงินในกระเป๋าตัวเองมาใช้ก็ไม่เป็นไร แต่หากเอาเงินหลวงมาใช้ งบประมาณนั้นจะต้องเกิดประโยชน์กับประชาชนและตรวจสอบได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง