ไม่พบผลการค้นหา
ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา 'ปารีณา ไกรคุปต์' 2 เรื่อง หลังไต่สวนพบ แจ้งทรัพย์สินเป็นเท็จ-รุกที่ป่าขัดจริยธรรมร้ายแรง

สำนักข่าวไทย รายงานว่า ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เปิดเผยว่าความคืบหน้ากรณีคณะกรรมการป.ป.ช. ตั้งไต่สวน ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ตอนนี้การไต่สวนคืบไปกว่า 90% โดย ป.ป.ช.ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ ปารีณาเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้เจ้าตัวได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตามขั้นตอน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561

ส่วนกรณีบุกรุกที่ดิน แยกเป็นสองส่วนด้วยกันคือ ส่วนที่ตำรวจทรัพยากร หรือ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ได้ส่งเรื่องมาให้ ป.ป.ช.ดำเนินการเนื่องจากตำรวจทรัพยากรได้พิจารณาเห็นว่า เป็นการที่เจ้าหน้าที่รัฐบุกรุก แต่ทาง ป.ป.ช.เห็นว่า เรื่องนี้เป็นการกระทำความผิดในฐานะส่วนตัวและไม่ชัดเจนว่าเป็นการกระทำในฐานะ ส.ส. ดังนั้นการกระทำจึงเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งในส่วนนี้ได้ส่งเรื่องกลับไปให้ตำรวจทรัพยากรแล้ว แต่กรณีที่มีการบุกรุกที่ดินนี้ ป.ป.ช.กำลังพิจารณาในแง่ของจริยธรรม ซึ่งพบว่าอาจมีประเด็นจงใจที่จะกระทำความผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ที่ตามกฎหมายระบุว่า ป.ป.ช.มีอำนาจไต่สวนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ดังนั้นตอนนี้ ป.ป.ช.จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อปารีณาแล้ว และหากไต่สวนแล้วพบว่า มีมูลความผิดจริง ก็จะส่งเรื่องไปยังอัยการ เพื่อให้ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป

ทั้งนี้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ตามมาตรา 87 วรรคสอง ประกอบมาตรา 81 ที่ระบุไว้ ว่า หากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนและมีความเห็นว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย และหากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประทับฟ้อง ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา เว้นแต่ศาลฎีกาฯ จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น  

ในกรณีที่ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ให้ผู้ต้องคำพิพากษานั้นพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลาไม่เกิน 10 ปีด้วยหรือไม่ก็ได้ หากผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่ว่ากรณีใด ผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง