ไม่พบผลการค้นหา
เฉลิมชัย ยันพรรคประชาธิปัตย์ร่วมภูมิใจไทย นัดระดมทุนสมทบโครงการร่วมใจพี่น้องไทยช่วยภัยน้ำท่วมไม่ได้ประชาสัมพันธ์ เผยนายกฯ จ่อลงพื้นที่อุบลราชธานี แน่นอน ด้าน 'ประยุทธ์' ไม่ขอทะเลาะกับฝ่ายค้าน ยินดีทุกฝ่ายช่วยเหลือแต่อย่าบิดเบือน

17 ก.ย. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยัน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคภูมิใจไทยบางส่วน นัดพบกันเย็นวันเดียวกันนี้ จริง ที่ รร. เดอะสุโกศล เพื่อพบปะ ระดมทุน จาก ส.ส. ทั้ง2 พรรค ไปสมทบทุน โครงการ ร่วมใจพี่น้องไทยช่วยภัยน้ำท่วม ในนามคณะรัฐมนตรี แต่ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องได้เงินเท่าไหร่ ใครมีมากก็ได้มาก มีน้อยก็ให้น้อย เพื่อเป็นการแสดงน้ำใจในฐานะคนไทยด้วยกัน โดยไม่ได้เป็นการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ รื่นเริง เพราะได้มีการพูดคุยเรื่องระดมทุนมาก่อนที่ สำนักนายกรัฐมนตรีจะจัดงานระดมทุนแล้ว  

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรครัฐบาล ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องแต่ไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ และ ตนเองก็จะลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธรติดตามสถานการณ์ และ เปิดศูนย์เยียวยาผู้ประสบภัย และ ฟื้นฟูพื้นที่ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี กำชับให้รัฐมนตรี สส. ลงพื้นที่อย่างใกล้ชิด และ ประชาสัมพันธ์ งานให้ประชาชนได้ทราบ เพราะตอนนี้ รัฐบาลถูกมองว่าไม่ได้ทำงาน พร้อมย้ำว่านายกรัฐมนตรี ก็จะลงพื้นที่อุบลราชธานีแน่นอน แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด

นายกฯ เผยทุกจังหวัดมีงบฉุกเฉิน 50 ล้านบาท

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสนใจเรื่องน้ำท่วมโดยมี 3 ขั้นตอนคือก่อน ระหว่าง และหลังน้ำท่วม โดยรัฐบาลก็มีวงเงินที่ใช้จ่ายได้ จากเดิมที่มีการแก้กฎหมายไป โดยสามารถใช้งบกลางในการเยียวยา ซึ่งการช่วยเหลือวันนี้แต่ละจังหวัดมีงบฉุกเฉิน จังหวัดละ 50 ล้านบาทที่สามารถใช้ได้ หากไม่พอสามารถขอกับรัฐบาลได้เป็นก้อนๆ ดังนั้นขอให้เข้าใจการใช้งบประมาณด้วยว่ามีขั้นตอนไม่ใช่รัฐบาลจะไม่ข่วยเหลือประชาชนเลย 

ส่วนมาตรการช่วยเหลือหลังจากนี้จะมีการเยียวยา ช่วยเหลือด้านเกษตร ประมง ปศุสัตว์ และที่อยู่อาศัย และช่วยเหลือด้านการเงินผ่าน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธกส. จากนั้นจะต้องดูความเดือดร้อนหลังน้ำท่วม ต้องหามาตรการเสริม เช่น ปลูกพืชน้ำน้อย ลดต่นทุน ทำการเกษตร หาเมล็ดพันธ์พืช รวมถึงการจัดหาแหล่งน้ำที่ต้องใช้เวินทั้งหมด ที่รัฐบาลสามารถใช้เงินงบกลางได้ ไม่ใช่นำเงินทั้งก้อนมาใช้แก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเดียว 

ประยุทธ์

คาดใช้งบฯ 2-3 หมื่นล้านฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วม

นายกรัฐมนตรี ยังขอบคุณทุกภาคส่วนที่ระดมช่วยน้ำท่วม ทั้งภาคธุรกิจ รวมถึง บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ นักแสดง ซึ่งทำให้ตนมีความสุขที่ทุดคนมีส่วนร่วมกับรัฐบาล และค่ำวันนี้ เวลา 20.00 น. ส่วนตัวจะไปรับบริจาคที่รัฐบาลจัดรายการพิเศษ “ร่วมใจ พี่น้องไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” เพื่อนำเงินบริจาคมาใช้ดูแลประชาชนเพิ่มเติม นอกจากเงินรัฐบาลที่สามารถใช้ได้ตามกฎหมายแต่บางอย่างใช้ไม่ได้จึงต้องใช้เงินบริจาคเข้าไปช่วย จึงขอแรงให้ช่วยกันบริจาค

ซึ่งจากการประเมินความเสียหายพื้นที่น้ำท่วมคาดว่าจะใช้งบประมาณ 2-3 หมื่นล้าน จากเงินปลดล็อก 5 หมื่นล้านบาท เพราะมีพื้นที่เสียหาย 1 ล้านไร่ มีครอบครัวได้รับผลกระทบกว่า 1 แสนครอบครัว ซึ่งใกล้กับวงเงินที่รัฐบาลมี พร้อมกันนี้ยืนยันรัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหาล่าช้า เพราะมีการเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าแต่ไม่ได้คาดการณ์ว่าฝนตะตกลงมาหนัก มีปริมาณ 500 มิลลิเมตร ขณะที่ขีดความสามารถจัดการน้ำได้อยู่ที่ 200 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับทั้งปีฝนจะอยู่ที่ 1,000 มิลลิเมตร จึงต้องแก้ปัญหาตามสถานการณ์ และทุกหน่วยงานก็ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว 

ไม่ขอทะเลาะกับฝ่ายค้าน ยินดีทุกฝ่ายช่วยเหลือแต่อย่าบิดเบือน

ซึ่งวันนี้มีประชาชนเดือดร้อนมีปัญหาสุขภาพจิต 19 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวมาพูดคุยเพื่อให้สบายใจไม่ให้คิดสั้น รวมถึงผู้ป่วยที่อยู่ในบ้านก็ได้นำออกมาที่โรงพยาบาลหมดแล้วล่าสุดสถานการณ์น้ำดีขึ้น วันนี้ปริมาณน้ำลดลง 40 เซ็นติเมตร เพราะระบบระบายน้ำปกติเริ่มดำเนินการได้แล้ว และการพิจารณาเยียวยาต้องรัดกุมทั้งนี้ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ และมอบภารกิจไปแล้ว ส่วนตัวจึงมีหน้าที่ติดตาม และไม่สามารถไปแจกเงินได้เลยเพราะมีกฎหมาย จึงต้องระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย เพราะจะมีการตรวจสอบย้อนหลัง

ส่วนที่มองว่าการลงพื้นที่แก้ปัญหาน้ำท่วมเป็นการแย่งชิงของนักการเมือง ในส่วนของรัฐบาลมันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำอยู่แล้ว โดยลงไปในพื้นที่ที่รับผิดชอบตามที่มีการแบ่งงานเป็นรายภาคแต่ในส่วนของฝ่ายค้านไม่อยากไปทะเลาะ แต่ขอให้เข้าใจว่าการช่วยเหลือส่วนใหญ่มาจากรัฐบาล ส่วนการช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆเป็นเรื่องของฝ่ายค้าน แต่จะมาโจมตีเป็นภาพใหญ่ก็ลำบากที่จะมองแบบนั้น ส่วนพรรคการเมืองจัดกิจกรรมเพื่อนำเงินสมทบช่วยน้ำท่วมถือเป็นเรื่องของแต่ละพรรค ซึ่งส่วนตัวยินดีไม่ว่าเอกชนหรือพรรคการเมืองถ้าทำช่วยเหลือประชาชนถือเป็นประโยชน์ แต่อย่ามาบิดเบือน