ไม่พบผลการค้นหา
‘ขจิตร’ เผยเหตุ แสดงตนเป็นองค์ประชุมญัตติ กมธ.ศึกษา ม.44 เพราะ 'เสียบบัตรคาไว้' แล้วมีคนกดให้ ปัดเทใจให้รัฐบาล พร้อมแจงพรรคเพื่อไทย ด้านประธานวิปฝ่ายค้าน ชี้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาเป็น 'งูเห่า'

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์หลังที่ประชุมสภาฯ มีมติไม่เห็นด้วยผลให้ตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้อำนาจของคสช.และมาตรา 44 โดยเสียง ส.ส.พรรคเพื่อไทยแสดงตนเป็นองค์ประชุมสภาฯ ว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนเสียงของฝ่ายรัฐบาลหรือเป็นงูเห่า ซึ่งยังตัดสินไม่ได้ว่าเป็นงูเห่าจริงหรือไม่ ต้องให้เจ้าตัวแต่ละคนชี้แจงตามกระบวนการพรรค และภายใน 2-3 วันน่าจะมีความชัดเจน หากเจ้าตัวมีเหตุผลที่ดีให้เชื่อได้ว่าไม่มีอามิสสินจ้างเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ไม่ถือว่าเป็นงูเห่า แต่หากฟังแล้วมีเรื่องได้รับผลประโยชน์ จะถือเป็นงูเห่าได้ 

นายสุทิน ระบุว่า การที่ ส.ส.ลงชื่อประชุมแล้วเสียบบัตรไว้ในเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ โดยเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในห้องประชุมหรือร่วมลงมติ อย่างที่นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อธิบายต่อสื่อมวลชนเบื้องต้นนั้น ก็มีความเป็นไปได้เพราะหลายคนก็มักจะเสียบบัตรไว้และอาจมีบุคคลอื่นไปกดออกเสียงแทน 

นายสุทุิน ระบุว่า การลงมติครั้งนี้เห็นชัดเจนถึงวิธีการลงคะแนนใหม่ สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย และสัมพันธ์กับมติเดิมหรือไม่ เพราะผลออกมาคนละทาง เพราะการนับคะแนนใหม่ควรยึดองค์ประชุมเดิม ไม่ควรเป็นการลงคะแนนใหม่และเชื่อว่าแม้แต่ผู้ที่ไม่ใช่นักการเมืองก็ตีความได้ ซึ่งอาจไม่ใช่ความผิดของใครแต่อาจจะเป็นความผิดของข้อบังคับซึ่ง ส.ส.ในพรรคเพื่อไทย บางส่วนมีความเห็นว่าควรยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยส่วนตัวก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะอาจจะมีการใช้วิธีการขอนับคะแนนใหม่ในลักษณะนี้อีกหลายครั้ง แต่ยังไม่มีมติพรรคในเรื่องนี้ออกมา

นายสุทิน ยังกล่าวด้วยว่า เสียดายวันเวลาเหลือเกือบ 2 ชั่วโมงก่อนที่จะพิจารณาในวาระต่อไปคือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ประธานการประชุมสั่งปิดการประชุมไปก่อน และทำให้เห็นเจตนาบางอย่างที่เชื่อได้ว่า จะมีการขัดขวางวาระการตั้งกรรมาธิการเพื่อศึกษาและแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตด้วย

โดยก่อนหน้านี้นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนยืนยันว่า ตัวเองไม่ได้เป็นงูเห่า แต่ไปลงชื่อเข้าประชุมหลังจากที่ฝ่ายรัฐบาลมีได้องค์ประชุมครบแล้ว ซึ่งตัวเองมีวัตรปฏิบัติคือการเสียบบัตรไว้แต่ก็ไม่ได้ร่วมลงมติในครั้งนี้ เพียงแต่มีชื่อแสดงตัวเป็นหนึ่งในองค์ประชุมด้วย อย่างไรก็ตาม พร้อมชี้แจงกับพรรคเพื่อไทย และไม่มีอะไรกังวล

ถามย้ำว่าตอนนี้ความเสียหายเกิดขึ้นแล้วเนื่องจากมีชื่อเป็นองค์ประชุม คนก็มองแล้วว่า ได้เทใจไปให้ฟากรัฐบาล นายขจิตรกล่าวว่า ตนไม่ได้เทใจให้รัฐบาล ตนเสียใจด้วยซ้ำที่พรรค พท.ไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเดือน ธ.ค. นี้ เพราะเราไม่ไว้วางใจรัฐบาลตั้งแต่เข้ามาแล้ว และเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับความไม่พอใจเรื่องการไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะตนยอมรับแล้ว ตนเพียงบอกความรู้สึกของตนว่า ตนไม่ได้เทใจให้รัฐบาล

เมื่อถามย้ำอีกว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะเทใจให้รัฐบาลใช่หรือไม่ นายขจิตร กล่าวว่า ไม่มีเจตนา ครั้งก่อนก็เหมือนกัน บัตรไม่เคยเอาออกจากที่กด เพราะตนเสียบบัตรคาไว้ เมื่อรีบบัตรมาก็เสียบไว้ไม่เคยเอาคืน พอเลิกประชุมเจ้าหน้าที่เขาก็มาดึงกลับไป