นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสำนักผู้แทนการค้าไทย (นายวีระพงษ์ ประภา) เตรียมจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป “Voice x Vision: Thai-EU FTA in Focus” ในวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรม The Athenee กรุงเทพฯ
ท่ามกลางสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบัน การเร่งเจรจา FTA กับประเทศคู่ค้าสำคัญ เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขยายโอกาสทางการค้าการลงทุน รักษาความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยการเจรจา FTA ไทย-EU มีความสำคัญเป็นลำดับต้น เนื่องจาก EU เป็นตลาดที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่ง FTA ฉบับนี้ จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือยุทธศาสตร์ที่จะช่วยลดการพึ่งพิงและกระจายตลาดการค้า รวมทั้งเพิ่มแต้มต่อให้ไทยมีที่ยืนอย่างมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคและระดับโลก ทั้งนี้ การเจรจาได้จัดขึ้นมาแล้ว 6 รอบ รอบล่าสุดเมื่อวันที่ 16-27 มิถุนายน 2568 ณ กรุงเทพฯ ซึ่งภาพรวมมีความคืบหน้าในทิศทางบวกอย่างต่อเนื่อง สำหรับรอบที่ 7 ฝ่าย EU จะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 29 กันยายน-3 ตุลาคม 2568 ณ กรุงบรัสเซลส์
นายจตุพร กล่าวเพิ่มเติมว่า การสัมมนาครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อรวบรวมข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อห่วงกังวลจากทุกภาคส่วน ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่รอบด้าน สะท้อนมุมมองที่หลากหลาย และสอดคล้องกับบริบทของประเทศ รวมทั้งการหาแนวทางรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเจรจา FTA ไทย – EU อย่างเหมาะสม โดยการสัมมนาครั้งนี้เน้นประเด็นใหม่ที่ท้าทายมากสำหรับไทย ได้แก่ ทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และการเข้าถึงพลังงานและวัตถุดิบ
นายจตุพรยังเน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมและความโปร่งใสในการดำเนินการเจรจา FTA กับ EU โดยข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากเวทีนี้จะถูกนำไปประกอบการพิจารณาจัดทำท่าทีการเจรจา เพื่อขับเคลื่อนการเจรจา FTA ไทย – EU ให้ก้าวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ในปี 2567 EU เป็นคู่ค้าลำดับที่ 4 ของไทย รองจากจีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น มีมูลค่าการค้าประมาณ 43,533 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7.17 ของการค้าไทยในตลาดโลก โดยไทยส่งออกไป EU 24,205 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และไทยนำเข้าจาก EU 19,328 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ