ไม่พบผลการค้นหา
กมธ.กฎหมาย เรียกสื่อ 2 ช่อง เข้าแจงกรณีนำเสนอข่าวคดีน้องชมพู่ละเมิดสิทธิ์-ผิดจรรยาบรรณ ยืนยันนำเสนอรอบด้านตามหน้าที่ ประชาชนบอกข้อมูลสะท้อนถึงความวางใจ ไม่ได้ก้าวล่วงการทำงานของตำรวจ

วันที่ 22 ก.ค. 2563 กรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน (กมธ.กฎหมายฯ) ที่มีนายสิระ เจนจาคะ เป็นประธานฯ วันนี้ได้เรียกสื่อมวลชน 2 ช่อง คือ อมรินทร์ทีวี และไทยรัฐทีวี เข้าชี้แจงกรณีการนำเสนอข่าวการเสียชีวิตของ "เด็กหญิง 3 ขวบ" หลังชาวบ้านร้องเรียนว่าเป็นการรายงานข่าวเกินบทบาท และการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการทำงานของตำรวจและสร้างความขัดแย้งให้คนในชุมชน โดยการเข้าพบ กมธ.กฎหมายฯ ครั้งนี้มีเพียงผู้บริหารจากอมรินทร์ทีวี เข้าชี้แจงเท่านั้น ส่วนไทยรัฐทีวีได้ทำหนังสือขอเลื่อนการชี้แจงไปก่อน

โดยนายสิระ กล่าวว่าจากการลงพื้นที่บ้านกกกอก จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ว่าการนำเสนอข่าวทำให้ชาวบ้านใช้ชีวิตกันอย่างไม่ปกติ และมีการละเมิดสิทธิเด็กในการนำเสนอข่าว พร้อมตั้งคำถามไปยัง กสทช.และได้ตรวจสอบเนื้อหาที่สื่อมวลชนนำเสนอหรือไม่ ว่าเป็นการหาผลประโยชน์และซ้ำเติมผู้สูญเสียหรือไม่

นอกจากนี้ การเสนอข่าวโดยเฉพาะการสัมภาษณ์ที่กระทบต่อบุคคลอื่น และการตั้งคำถามของสื่อมวลชนที่มีลักษณะคล้ายการชี้นำ รวมทั้งการสันนิษฐาน สัมภาษณ์เด็กและร่างทรงต่างๆ ที่มี ลักษณะเหมือนสื่อมวลชนเป็นพนักงานสอบสวนเองยังทำให้ประชาชนเกิดความข้องใจและรู้สึกเหมือนเป็นสินค้าให้สื่อมวลชนนำไปขาย ซึ่งจากการตรวจสอบอำนาจกรรมาธิการ พบว่าอาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ด้านตัวแทนจาก กสทช.ชี้แจงว่า กสทช.มีอำนาจหน้าที่ดูแลในส่วนของเนื้อหาว่าขัดต่อกฎหมายหรือไม่ สำหรับกรณีเด็กหญิง 3 ขวบ กสทช.ไม่ได้นิ่งเฉยโดยมีการตั้งอนุกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาดูเนื้อหารายการ และจะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงในวันที่ 30 ก.ค.นี้ เพื่อตรวจสอบว่าการออกอากาศ การสัมภาษณ์เด็ก สัมภาษณ์พี่สาว และคนในชุมชน เป็นการละเมิดสิทธิเด็กหรือไม่

ขณะที่บรรณาธิการบริหารฝ่ายข่าวอมรินทร์ทีวี นายนภจรส ใจเกษม ยืนยันว่า การนำเสนอข่าวเด็กหญิง 3 ขวบ เป็นการทำหน้าที่สื่อมวลชนที่นำเสนอข้อเท็จจริงรอบด้าน ทั้งครอบครัวผู้สูญเสีย ผู้ถูกสงสัย เพื่อสะท้อนถึงเป้าหมายว่าเป็นการนำเสนอข่าว เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ครอบครัวผู้สูญเสียและคนที่ถูกสงสัยว่าอาจเป็นผู้กระทำ

ส่วนกรณีที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าสร้างความแตกแยกให้คนในชุมชน นายนภจรส อธิบายว่า มีหลายประเด็นที่ชาวบ้านเป็นฝ่ายนำข้อมูลมาให้ บอกทีมข่าวสะท้อนว่าชาวบ้านมีความไว้ใจต่อสื่อมวลชน ทั้งนี้อมรินทร์ทีวีเป็นสื่อช่องแรกๆ ที่เข้าพื้นที่ และเห็นความไม่ชอบมาพากล จนทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยค้นหา การเปิดพื้นที่ให้ทุกคนอธิบายจึงถือเป็นแนวทางที่ดีที่สื่อมวลชนควรจะทำ

ส่วนประเด็นการทำหน้าที่เกินอำนาจของสื่อ นายนภจรส อธิบายว่า หากคดีนี้สื่อไม่ลงไปทำข่าวอย่างรอบด้านจะจบอย่างไร แล้วครอบครัวผู้สูญเสียได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ก้าวล่วงการทำงานของตำรวจ และมีการประสานงานกับตำรวจตลอด ยืนยันต่างคนต่างทำหน้าที่แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือทำข้อเท็จจริงให้ปรากฎ