ไม่พบผลการค้นหา
อินเดียประหาร 4 ผู้ต้องหา ในคดีรุมข่มขืนนักศึกษาบนรถบัสเมื่อปี 2555 นับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี แต่คดีความรุนแรงต่อผู้หญิงในอินเดียก็ยังไม่ลดลง

ทางการอินเดียแขวนคอประหารชีวิตผู้ต้องหาทั้ง 4 คนที่ก่อเหตุรุมข่มขืนนักศึกษาบนรถบัสเมื่อปี 2555 ถือเป็นการประหารชีวิตครั้งแรกของอินเดียนับตั้งแต่ปี 2558 โดยแม่ของนักศึกษาที่เสียชีวิตกล่าวว่า เธอกอดรูปลูกสาวและบอกกับเธอว่าพวกเธอได้รับความยุติธรรมแล้ว ส่วนพ่อของเหยื่อระบุว่า ความศรัทธาของเขาต่อกระบวนการยุติธรรมกลับคืนมาแล้ว 

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2555 นักศึกษาคณะกายภาพบำบัดวัย 23 ปีเดินทางกลับจากการดูหนังกับเพื่อนชาย แล้วทั้งคู่ถูกกลุ่มชาย 6 คนรุมทำร้าย โดยนักศึกษาคนดังกล่าวถูกรุมข่มขืน จากนั้น เธอและเพื่อนชายก็ถูกโยนลงมาจากรถบัสในอาการบาดเจ็บสาหัส 

จากนั้นไม่กี่วันนักศึกษาคนดังกล่าวก็เสียชีวิต ส่งผลให้ชาวอินเดียรู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก มีการประท้วงใหญ่ จนนำไปสู่กฎหมายใหม่ที่มีบทลงโทษที่เข้มงวดขึ้น และมีการเพิ่มอาชญากรรมใหม่ลงไปในกฎหมาย เช่น การเฝ้าติดตามสร้างความรำคาญ การสาดน้ำกรด การแอบส่อง การเผยแพร่ภาพโดยไม่ได้รับการยินยอม เป็นต้น

ผู้ก่อเหตุทั้ง 6 คนถูกจับกุมหลังจากก่อเหตุ แต่ 1 ในจำนวนนี้ฆ่าตัวตายในเรือนจำเมื่อเดือน มี.ค.ปี 2556 ส่วนอีก 1 คนเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี จึงถูกตัดสินให้ถูกคุมขังให้สถานพินิจ 3 ปีก่อนจะถูกปล่อยตัวในปี 2558 

ก่อนจะมีการประหารชีวิต ผู้ก่อเหตุ 4 คนได้ยื่นฎีกาต่อศาลสูงเพื่อขอลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต แต่ศาลไม่รับฎีกา จนทั้งหมดถูกประหารชีวิตในเช้าวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีประชาชนจำนวนหนึ่งไปชุมนุมกันหน้าเรือนจำ พร้อมชูป้ายแสดงความยินดีที่ผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คนถูกประหารชีวิต

ด้านนเรนทรา โมดิ นายกรัฐมนตรีอินเดียทวีตข้อความว่า “ความยุติธรรมชนะแล้ว” และอินเดียได้ “สร้างประเทศที่มุ่งเน้นเรื่องการสร้างพลังให้กับผู้หญิง” 

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า แม้คดีนี้จะมุ่งเน้นไปที่ความรุนแรงทางเพศต่อผู้หญิง แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะคดีความรุนแรงแรงต่อผู้หญิงในอินเดียจะลดลง โดยข้อมูลจากสำนักงานทะเบียนอาชญากรรมแห่งชาติอินเดียระบุว่า เมื่อปี 2561 มีรายงานคดีข่มขืน 33,977 คดี คิดเป็นวันละ 93 คดี

สำนักข่าวเดอะการ์เดียนรายงานว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียแทบไม่ได้ใช้เงินในกองทุนนีร์พญาที่รัฐบาลอินเดียตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือด้านความปลอดภัยให้ผู้หญิง ยังเหลือเงินถึงร้อยละ 91 ของเงิน 10,000 ล้านรูปีหรือราว 4,334 ล้านบาท


ที่มา : BBC, The Guardian