ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี ขอครอบครัวคนไทยในอู่ฮั่น สบายใจย้ำรัฐบาลมีแผนอพยพทันที หากทางการจีนไฟเขียว เบื้องต้นสั่งตั้งคณะอำนวยการรับมือโรคอุบัติใหม่ มอบ “อนุทิน” เป็นประธาน

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ว่า ต้องสร้างความเข้าใจ ซึ่งรัฐบาลต้องแก้ปัญหานี้ทั้งระบบ โดยแนวทางการแก้ไขของรัฐบาล ต้องสอดคล้องกับประเทศต้นทาง โดยวันนี้ได้สั่งการให้ตั้งคณะอำนวยการเตรียมความพร้อม เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคอุบัติใหม่แห่งชาติ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสาธารณสุข เป็นประธาน ทั้งนี้ในฐานะมิตรประเทศก็เชื่อมั่นว่าจีนจะสามารถผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ ซึ่งไทยเองก็เคยมีประสบการณ์ในการควบคุมไข้หวัดซาร์และไข้หวัดนก ซึ่งเราถูกจัดอันดับให้เป็นอันดับ 6 ของโลก ในการควบคุมโรคระบาด จึงอยากให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ 

ส่วนกรณีการอพยพคนไทยกลับจากอู่ฮั่นนั้น อยากให้ทราบขั้นตอน ซึ่งตนอยากบอกให้ครอบครัวได้อุ่นใจว่า ขณะนี้รัฐบาลมีแผนที่จะนำกลับแล้ว ซึ่งก็จะต้องประสานทางการจีน หากเปิดให้สามารถนำเครื่องบินไปรับได้ ก็จะดำเนินการทันที ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้เตรียมเครื่องบิน ส่วนด้านสาธารณสุข เตรียมความพร้อมด้านทีมแพทย์ไว้แล้ว

ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะสถานการณ์ไวรัสโคโรนา ทางกระทรวงการต่างประเทศหารือกับประเทศจีนอย่างใกล้ชิด และรับปากว่าจะดูแลคนไทยที่เมืองอู่ฮั่นทั้ง 64 คนอย่างดี โดยขึ้นทะเบียนกับทางการจีนไว้แล้ว ส่วนเมืองอื่นๆ ก็สามารถเดินทางกลับได้ปกติ ไม่มีการปิดเมือง และหากต้องการการช่วยเหลือ เช่น เรื่องรถรับส่ง หรือตั๋วเครื่องบิน ทางสถานทูต และสถานกงสุลใหญ่พร้อมให้ความช่วยเหลือทันที

นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะกรรมการรวม 59 คน กำหนดมาตรการ และแนวทางแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งประสานงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน และจัดทำแผนยุทธศาสตร์การป้องกันโรคอุบัติใหม่ รวมทั้งติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้นางนฤมล ยังกล่าวว่าการรายงานสถานะ ขอให้ฟังจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก

ส่วนการประกันตนคณะรัฐมนตรี มีมติปรับปรุงเงินค่าทำศพของผู้ประกันตนจากเดิม 40,000 บาท เป็น 50,000 บาท และส่งให้สำนักงานกฤษฎีกาดำเนินการต่อ ขณะเดียวกันมีมาตรการทางการคลังเพื่อส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศ 3 มาตรการ คือ 1.ให้บริษัทสามารถหักรายจ่ายของการลงทุนในเครื่องจักร 2.5 เท่า ยกเว้นธุรกิจที่ซื้อเครื่องจักรมาให้เช่าต่อ 2.ยกเว้นอากรขาเข้าของเครื่องจักรใหม่ 3.มาตรการสินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ให้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน ร้อยละ 2 ในช่วง 2 ปีแรก โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (ธสน.) งบประมาณ 350.67 ล้านบาท คาดว่าจากทั้ง 3 มาตรการคาดว่าจะทำให้มีมูลค่าการลงทุนในประเทศ 160,000 ล้านบาท และคาดว่าเพิ่มจีดีพีในปีหน้าขึ้น 0.25