ไม่พบผลการค้นหา
รพ.ราชวิถี ใช้ ‘ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่-ยาต้านไวรัสเอดส์" รักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนาอาการรุนแรง ผลออกมาเป็นลบภายใน 48 ชั่วโมง ด้าน ‘อนุทิน’ เผยทีมแพทย์ 8 คน เตรียมรับตัวนศ.ไทยจากเมืองอู่ฮั่นกลับไทย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวความคืบหน้าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ขณะนี้แพทย์จาก โรงพยาบาลราชวิถี ได้รายงานการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 พบว่าใช้วิธีการรักษาที่ได้ผลฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีคนไข้รายหนึ่งมีอาการค่อนข้างที่จะรุนแรงตอนที่รับตัวเข้ามา ซึ่งขณะนี้มีอาการดีขึ้น

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับการไปรับตัวคนไทยที่เมืองอู่ฮั่นกลับมาเมืองไทยนั้น ในวันที่ 4 ก.พ. ตอนนี้ชัดแล้วว่าตนไม่ไปเอง จะมีเพียงทีมแพทย์ 8 คน ประกอบด้วย แพทย์ทางด้านฉุกเฉิน แพทย์ทางระบาด จิตแพทย์ ตลอดจนพยาบาล พร้อมกับเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต้องใช้ในระหว่างการเดินทาง เมื่อกลับถึงประเทศไทยแล้วจะแยกตัวไว้ และเฝ้าระวังโรคเป็นระยะเวลา 14 วัน ส่วนสถานที่ เบื้องต้นเตรียมไว้ 3-4 แห่ง ซึ่งต้องหารือกับนายกรัฐมนตรี เพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง ส่วนเรื่องการไม่ห้ามคนจีนเดินทางเข้าประเทศไทยยืนยันอีกครั้งว่า วันนี้คนจีนเข้ามาในประเทศไทยน้อยมากแล้ว

8EE1D20D-BC89-4D8E-BFE7-1F6B52BB87A8.jpeg

แพทย์รพ.ราชวิถี ใช้สูตรยา 2 กลุ่ม รักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนา

นพ.เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.ราชวิถี เปิดเผยว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าวเป็นผู้ป่วยหญิงชาวจีนอายุ 70 กว่าปี เดินทางมาจากอู่ฮั่น มีโรคความดันโลหิตสูง และอาจมีโรคหัวใจร่วมด้วย ก่อนหน้านี้รับการรักษาที่ รพ.หัวหิน ด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ 2 ตัว เป็นเวลาประมาณ 2 วันแต่อาการไม่ดีขึ้น จากนั้นได้มีการส่งตัวมารับการรักษาต่อที่ รพ.ราชวิถี

ทั้งนี้ เมื่อมาถึงรพ.ราชวิถี ได้ให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ โอเซลทามิเวียร์ ซึ่งผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) แต่ใช้ในขนาดที่สูง เพราะคนไข้มีอาการหนัก สาเหตุที่เลือกใช้ เพราะมีรายงานว่า ยาตัวนี้ได้ผลในคนไข้โรคเมอร์ส ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาในกลุ่มเดียวกัน จึงตัดสินใจว่า คนไข้อาการหนักต้องรักษาคนไข้ไว้ก่อน และคอยระวังผลข้างเคียง จึงตัดสินใจให้ยาไปตั้งแต่วันแรกที่มาถึงและเฝ้าดูอาการทุกวันตลอดเวลา

"สัดส่วนการให้ยา ได้ให้ยา 2 กลุ่ม 3 ตัวยาคือ กลุ่มยาต้านไวรัสเอดส์ คือ ยาโลพินาเวียร์ 800 มิลลิกรัมต่อวัน และยาริโทนาเวียร์ 200 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งยาทั้งสองตัวนี้รวมอยู่ในเม็ดเดียวกัน และกลุ่มยารักษาไข้หวัดใหญ่ คือ ยาโอเซลทามิเวียร์ 300 มิลลิกรัมต่อวัน" นพ.เกรียงศักดิ์ ระบุ

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า วันแรกที่คนไข้มาถึงอาการหนักมาก ซึ่งหลังจากให้ยารักษาภายในไม่ถึง 12 ชั่วโมง จากคนไข้ที่ลุกไม่ได้อ่อนเพลีย ขึ้นมานั่งได้ ไข้ลดลง และจากนั้นอาการเหนื่อยน้อยลง ส่วนตอนนี้คนไข้ยังไม่หายแต่ดีขึ้นอย่างชัดเจน และผลตรวจจากที่ได้รับการรับการรักษามา 10 กว่าวัน ผลตรวจเป็นบวกมาตลอด แต่พอได้รับยาสูตรนี้ ผลปรากฏว่าภายใน 48 ชั่วโมงผลออกมาเป็นลบ ซึ่งผลแล็บยืนยันโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการรักษาด้วยสูตรยานี้ทำให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น แต่ยังต้องรอการศึกษาที่จะบอกว่าการรักษาวิธีนี้เป็นมาตรฐานการรักษา

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวเสริมว่า การรักษาด้วยวิธีนี้เป็นการรายงานกรณีศึกษาการรักษาผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยใช้รักษาวิธีนี้ 3 ราย แต่ 1 รายแพ้ยาโอเซลทามิเวียร์จึงหยุดการให้ยาที่แพ้ ส่วนอีก 2 ราย เมื่อได้รับสูตรยานี้ก็อาการดีขึ้น 

ทั้งนี้ หลักแนวทางคำแนะนำในการรักษามาตรฐาน คงจะยึดจากรายงานทั่วโลก โดยเฉพาะของจีนที่ออกมา แต่แพทย์รพ.ราชวิถีได้เพิ่มการให้ยาโอเซลทามิเวียร์ด้วย และในวันพรุ่งนี้ (3 ก.พ.63) จะมีการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญของประเทศไทย จะมีการนำวิธีการรักษาเช่นนี้เข้าหารือและพิจารณาร่วมกัน โดยถ้าคนไข้อาการไม่หนักจะใช้ยาในขนาดปกติก่อน แต่ถ้าอาการหนักจะมีสูตรนี้เป็นตัวเลือกและคงเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ 

ผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่ม 1 ราย

ด้านนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยัน 19 ราย กลับบ้านแล้ว 8 ราย ก็ยังรักษาในโรงพยาบาลอยู่ 11 ราย วันนี้ผู้ป่วยหายกลับบ้านได้เพิ่มอีก 1 ราย ด้วยความร่วมมือจากทุกกรม และองค์การเภสัชกรรม ขณะนี้เราเข้าสู่ระยะที่ 2 พบผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ สิ่งที่ต้องเร่งรัดดำเนินการก็คือ เน้นการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล การทำความสะอาดบ้านเรือน และพื้นที่สาธารณะ ได้มอบให้กรมอนามัย จัด Big cleaning week พร้อมกันทั่วประเทศ โดยให้จิตอาสาร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 1 ล้านกว่าคน ลงสู่พื้นที่ให้ความรู้พี่น้องประชาชนในสัปดาห์หน้า เพื่อให้การป้องกันควบคุมโรคได้ผลดี และมอบองค์การเภสัชกรรมผลิต จัดหาหน้ากากอนามัย เจลล้างมือให้เพียงพอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 382 ราย คัดกรองจากสนามบิน 40 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 342 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 71 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 311 ราย โดยวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรครายใหม่ 38 ราย

สถานการณ์ทั่วโลกใน 25 ประเทศ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม 2563 - 1 กุมภาพันธ์ 2563 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 11,945 ราย ส่วนประเทศจีน ข้อมูล ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 พบผู้ป่วย 11,791 ราย เสียชีวิต 259 ราย