ไม่พบผลการค้นหา
'เพื่อไทย' ขนทัพใหญ่ปราศรัยใหญ่ครั้งแรกช่วย 'สุรชาติ เทียนทอง'ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เบอร์ 3 ขอเลือกฝ่ายค้านไปเติมเสียง ส.ส.ในสภาฯ 'สุทิน' ชี้ 'ประยุทธ์' อยู่ยาวถึง ปี70 จะทำให้ประชาชนตายได้ ด้าน 'สุรชาติ' เล่าเส้นทาง 17 ปีบนอาชีพนักการเมือง เน้นทำมากกว่าใช้คำพูด ขอโอกาสเป็น ส.ส.ดันคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน เผย 'เพื่อไทย' ขอเป็นรัฐบาลอีกเพื่อปฏิรูประบบราชการ

เมื่อเวลา 16.45 น. วันที่ 14 ม.ค. 2565 ที่ชุมชนเสนานิคม 2 ซอยพหลโยธิน 34 พรรคเพื่อไทยเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งที่ 1 เพื่อหาเสียงช่วย สุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตเลือกตั้ง 9 (เขตหลักสี่ เขตจตุจักร ยกเว้นแขวงจตุจักรและแขวงจอมพล) หมายเลข 3 พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งซ่อมที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 ม.ค.นี้ 

โดย สุรชาติ พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งแกนนำพรรคได้ขึ้นรถแห่ทักทายประชานโดยรอบชุมชนเสนานิคม 2 พร้อมเชิญชวนให้มาฟังการปราศรัยในเวลา 18.00 น. และได้มีการเปิดเผยรายชื่อผู้ปราศรัย โดยก่อนเริ่มปราศรัยนั้น มีประชาชนเริ่มทยอยเข้ามาจับจองที่นั่งบริเวณหน้าเวทีปราศรัย บางส่วนสวมใส่เสื้อแดงและชูป้ายให้กำลังใจ

เวลา 18.39 น. สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปราศรัยเป็นคนแรก ในหัวข้อ "ทำไมต้องเลือกเพื่อไทยเข้าสภาฯ" ตอนหนึ่งว่า ส่วนหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มาได้ทุกวันนี้ และทำอะไรก็ไม่ผิดคือ การเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมาประชาชนคิดผิดว่าเลือกอย่างไรก็ไม่เปลี่ยนแปลง รัฐบาลชนะเขาจึงลำพองตัว อยู่ต่อ จนปัจจุบันประชาชนหนี้ท่วมหัวแล้ว และในที่สุดเรากำลังอยู่ในกองทุกข์ 

"ถ้าเลือกพวกแทงกั๊กยิ่งแสบ เพราะพวกนี้จะเป็นตัวแปลในสภาวันหนึ่งก็ไปเติมเสียงให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น นอกเหมือจากการเลือกตั้งซ่อมวันที่ 30 ม.ค.นี้ ยังมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในสภาแล้วยังมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา

สุทิน กล่าวว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อถึงปี 2570 เขาอยู่เราตาย เขาไปเราอยู่ ลูกหลานไล่ตามถนนเขาก็จับหมดแล้ว เหลืออยู่อย่างเดียว นายกฯ กลัวสภา แต่ปากแข็ง รัฐมนตรีชุดนี้จึงกลัวสภา เมื่อจับจุดได้แล้วว่าเขาไม่กลัวข้างนอก แต่กลัวสภา กลัวฝ่ายค้านเอาความจริงมาพูด และกลัวแทงข้างหลังกัน 

“เมื่อเขารู้ว่ากลัวสภา มีทางเดียว ถ้าอยากจะล้มรัฐบาล หรือ ให้รัฐบาลสำเหนียก เคารพประชาชน ฟังประชาชน ต้องเสริมเขี้ยวเล็บให้กับฝ่ายค้านเพิ่มเติมเข้าไปอีก ภาวนาว่าเลือกตั้งซ่อมเที่ยวหรือ หรือเที่ยวไหน ขอประชาชนอยู่อย่างว่าเอา ส.ส.มาเติมให้ฝ่ายค้าน เลือกตั้งครั้งนี้ เลือกเพื่อชีวิต รัฐบาลจิตตก รัฐบาลจะได้ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาว่า ที่มีคนเพ็ดทูลว่าดีครับท่าน จะได้คือผิด เมื่อเลือก สุรชาติ เขาจะได้กลับมาเห็นหัวเราบ้าง และขอให้เลือกเพื่อช่วยคนต่างจังหวัด เพราะเขาทุกข์ตายกันหมดแล้ว” สุทินกล่าว

สุทิน ปราศรัย เพื่อไทย C6E202F0D.jpegเพื่อไทย ปราศรัย เลือกตั้งซ่อม กรุงเทพ สุรชาติ ชลน่าน B04ED74415B.jpegสุรชาติ  หาเสียง ปราศรัย เพื่อไทย-AAB6-8BE626F491D5.jpegสุรชาติ เพื่อไทย -10E7-4AF7-A855-DD5E5CA31423.jpeg

'สุรชาติ'เผย 17 ปีเส้นทางอาชีพนักการเมือง ย้ำไม่ทิ้งประชาชน เน้นทำมากกว่าพูด

จากนั้น สุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 9 หมายเลข 3 พรรคเพื่อไทย ปราศรัยในหัวข้อ "วิสัยทัศน์การเป็นผู้แทน ความเข้าใจที่มีต่อประชาชน การลงพื้นที่สำคัญไฉน 17 ปีแห่งความหลัง” โดยระบุว่า ตนอยากเป็นคนที่ประชาชนรัก เส้นทางชีวิตการเมือง 17 ปี ตนผิดหวังมากกว่าสมหวัง ทุกครั้งที่ตนแพ้จะบอกตัวเองเสมอ เพราะเรายังทำไม่พอ เรายังเข้าถึงประชาชนไม่พอ เขาถึงไม่รักเรา และวันที่ตนชนะก็บอกตัวเองเสมอว่า ต้องยิ่งพยายามทำมากขึ้นไปอีก เพราะเราได้รับความรักจากประชาชนมาแล้ว เรากลัวว่าเขาจะไม่รักเรา 

สุรชาติ ระบุว่า เมื่อมีการรัฐประหารเมื่อปี 2557 จากวันนั้นถึงวันนี้เกือบ 8 ปีที่ตนไม่มีตำแหน่ง 8 ปีที่ตนใช้เวลาช่วงนี้ในการค้นหาความหมายที่แท้จริงของผู้แทนราษฎร ตนมีความเชื่อทางการเมืองง่ายๆ โดยเชื่อว่าถ้าเราไม่ทิ้งประชาชน ประชาชนจะไม่ทิ้งเรา และตนยึดถือแบบนั้นมาตลอด

สุรชาติ ระบุว่า "การเมืองของผมเริ่มต้นด้วยการให้เกียรติประชาชน เป็นการเมืองไม่มีเงื่อนไขกับประชาชน การเมืองคือออกไปรับใช้ประชาชน ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร ออกไปทำให้เขารู้ว่า ไม่ว่าเขาจะเลือกผมหรือไม่เลือกผมเลย ถ้ามีโอกาสก็จะทำให้ทุกคนอย่างเต็มที่ นี่คือตัวตนของผม นักการเมืองไปลงพื้นที่เอาของไปแจก ไปงานศพ งานบวชทำทำไม สุรชาติ เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยบอกครั้งหน้าอย่าลืมเลือกผม ผมเป็นคนแบบนั้น ทุกสิ่งที่ผมพูดวันนี้ ผมยึดถือการเมืองที่พูดน้อยๆ ทำเยอะๆ ผมเดินไปไหนเห็นกล้อง ผมหลบ ผมไม่อยากเป็นประเด็น เป็นข่าวคนดัง แต่อยากให้ประชาชนยอมรับด้วยหัวใจเป็นผู้แทนราษฎรแท้จริงของทุกคน"

"ผมใช้เวลา 17 ปีพิสูจน์ไม่ใช่ด้วยคำพูด ผมใช้เวลาพิสูจน์ด้วยการกระทำ ผมออกจากบ้านไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน นี่คือตัวตนของผม ย้อนไปเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ผมมีความฝันอยากเป็นนักการเมือง มาเดินชุมชนเสนานิคม 2 มาขอโอกาสพี่ป้า น้า อา เริ่มต้นการเมืองเมื่อปี 2548 ถึงการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 ได้คะแนนมา 9,000 คะแนน คนชนะเลือกตั้งได้ 130,000 คะแนน ผมไม่ละทิ้งความพยายาม แม้เมื่อปี 2550 ผมไม่ได้รับการเลือกตั้ง แต่สักวันหนึ่งจะกลับมาเป็นผู้แทนของท่านให้ได้ ครั้งนี้ผมต้องชนะให้ได้ ไม่ใช่ชนะเพื่อตัวเอง แต่ชนะเพื่อศักดิ์ศรีของคนหลักสี่ จตุจักรให้ได้"

สุรชาติ1.jpgสุรชาติ หาเสียง หลักสี่ เลือกตั้งซ่อม ปราศรัย 9C-7ED8EBD88D85.jpegสุรชาติ  หาเสียง ปราศรัย เพื่อไทย-AAB6-8BE626F491D5.jpegเพื่อไทย แฟนคลับ แฟนด้อม ปราศรัย สุรชาติ 6D3-67DAB9C3D1E5.jpeg

ขอผลักดันคุณภาพชีวิตประชาชน ย้ำ 'เพื่อไทย' ตั้งเป้า รบ.ดันปฏิรูประบบราชการ

สุรชาติ ระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่ชนะแล้วกลับไปใส่สูทในสภา แต่พิสูจน์อุดมการณ์ทุกอย่างในชีวิต พิสูจน์ว่าคนเดินดินอย่างตน สามารถเอาทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นได้ ตนยังเป็นตัวแทนผู้แทนราษฎรที่อยู่กับพรรคเพื่อไทย ขอเป็นผู้แทนของผู้แทนเดินดินทุกคน ความฝันทางการเมืองของตนคือเป็น ส.ส. และตนมีความฝันยิ่งใหญ่ ฝันอยากเห็นคนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทรัพยากรที่มีค่าที่สุด คือ คนไทยทุกคน สิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาประเทศ ต้องทำให้คนไทยทุกคนอยู่ดีกินดี คุณภาพชีวิตที่ดี

สุรชาติ ระบุว่า ระบบราชการไม่เห็นหัวประชาชน ไม่เป็นผู้รับใช้ และทำตัวเป็นเจ้านายเราตลอดเวลา เจ็บปวด ตนขอพูดให้ชัด ตนไม่เคยโจมตีพี่น้องข้าราชการ แต่เชื่อว่าพี่น้องข้าราชการมุ่งมั่นดูแลประชาชน แต่ระบบไม่เอื้อก็ไม่สามารถทำได้ ถ้าพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลจะปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ ตนอยากเห็นข้าราชการที่ลงมาให้พื้นที่แล้วยกมือไหว้ประชาชน ไม่อยากให้ประชาชนเดินเข้าไปไหว้ที่สำนักงาน ตนเจ็บปวดกับระบบบริหารของราชการในช่วงโควิด-19 ถ้าตนได้กลับเข้าสู่สภาฯ จะทุ่มเททำงานเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชน ในพื้นที่ก็จะรับใช้ประชาชนเหมือนเดิมทุกประการ