ต่างประเทศ
“เปลี่ยนแม่ผมให้กลายเป็นโสเภณี!” ทายาทคังคุไบโวยหนังบิดเบือนข้อเท็จจริง
ภาพยนตร์ถ่ายทอดเรื่องราวของคังคุไบตั้งแต่ในวัยเด็ก เธอเติบโตมาพร้อมกับความฝันของการเป็นนักแสดง อย่างไรก็ดี คังคุไบถูกสามีหลอกขายแก่ซ่องโสเภณีในมุมไบ คังคุไบตัดสินใจต่อสู้ชีวิตจนไต่เต้าจากโสเภณีธรรมดาขึ้นมาเป็นแม่เล้าที่ร่ำรวย ในฐานะเจ้าของซ่องทรงอิทธิพลในมุมไบ
ตัวอย่างภาพยนตร์ คังคุไบ กฐิยาวาฑี ถูกปล่อยออกมาตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา สร้างความฮือฮาให้แก่ผู้รอรับชม อย่างไรก็ดี ครอบครัวของคังคุไบโดยเฉพาะ บาบู ราวจี ชาห์ ลูกชายบุญธรรมของคังคุไบ และ ภารตี โสณวรรณี หลานสาว กลับไม่พอใจกับเรื่องราวที่ภาพยนตร์ถ่ายทอดออกมา โดย บาบู ราวจี ชาห์ ระบุว่า ตัวภาพยนตร์มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง เนื่องจากแม่ของตนเป็นเพียงแค่นักเคลื่อนไหวทางสังคมเพื่อผู้ขายบริการทางเพศ ไม่ใช่โสเภณี
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2564 บาบู ราวจี ชาห์ ได้ยื่นฟ้องภาพยนตร์ คังคุไบ กฐิยาวาฑี ที่ศาลมุมไบ โดยมี ซันเจย์ ลีลา ภันสลี ผู้กำกับ และ อาเลีย บาตต์ นักแสดงนำในบทบาทคังคุไบที่ถูกเรียกตัวขึ้นศาลเพื่อการพิจารณาคดีด้วย อย่างไรก็ดี ศาลสูงบอมเบย์ได้ปฏิเสธที่จะระงับการฉายภาพยนตร์คังคุงไบ แต่ยังคงอนุญาตให้ยุติการฉายชั่วคราว ทั้งนี้ คดียังคงอยู่บนชั้นศาล โดย บาบู ราวจี ชาห์ ระบุว่า "แม่ของผมกลายเป็นโสเภณี ผู้คนต่างพูดถึงแม่ของผมด้วยถ้อยคำที่เกินบรรยาย"
นเรนทรา ทนายของครอบครัวคังคุไบระบุว่า ครอบครัวของคังคุไบรู้สึกตกใจหลังจากที่มีการปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ออกมา “การถ่ายทอดเล่าเรื่องถึงคังคุไบนั้นผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังไร้เหตุผล มันหยาบคาย คุณกำลังเป็นตัวแทนของนักเคลื่อนไหวทางสังคมในฐานะโสเภณี ครอบครัวไหนจะชอบมัน คุณทำให้เธอ (คังคุไบ) กลายเป็นผีกินเลือด เป็นหญิงสํามะเลเทเมา” นเรนทรากล่าว
นเรนทรายังได้เปิดเผยอีกว่า กรณีการยื่นฟ้องคดีของลูกชาบบุญธรรมของคังคุไบต่อตัวภาพยนตร์มี “ปัญหาของระบบ (กฎหมาย) ของเราที่นี่ คือแทนที่จะทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการบิดเบือนความจริงอย่างร้ายแรง คุณกลับถูกขอให้แสดงหลักฐานว่าลูกชายคนนี้เป็นลูกชายของคังคุไบจริงๆ หรือไม่ แม้ว่าเราจะพิสูจน์ในชั้นศาลแล้ว แต่ยังไม่มีการพิจารณาใดๆ ในเรื่องนี้ ณ ตอนนี้เลย”
ทนายความของครอบครัวคังคุไบอ้างต่อว่า “การฟ้องร้องของเราเกิดขึ้นเมื่อปี 2563 เมื่อลูกชาย (บาบู ราวจี ชาห์) เห็นว่าจะมีภาพยนตร์ที่กำลังถูกสร้างเล่าถึงเรื่องราวชีวิตของคังคุไบ หลังจากที่เขาเห็นภาพแม่ของตัวเองในการโปรโมทภาพยนตร์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ครอบครัวพยายามหลบซ่อนตัว พวกเขาย้ายบ้านจากอันเดรีไปยังโบริวาลี ญาติๆ หลายคนเริ่มตั้งคำถามกับภาพที่ถูกเล่าออกมา (จากภาพยนตร์) ด้วยคำถามต่อครอบครัวว่า คังคุไบเป็นโสเภณีจริงหรือไม่ และไม่ใช่นักสังคมสงเคราะห์อย่างที่พวกเขาเคยบอกอย่างนั้นหรือ สภาพจิตใจของครอบครัวไม่สู้ดีนัก ไม่มีใครใช้ชีวิตได้อย่างสันติ”
ทนายความของครอบครัวคังคุไบเปิดเผยว่า ตนได้ส่งคำเตือนไปยัง ซันเจย์ ลีลา ภันสลี ผู้กำกับ และ ฮุสเซน ไซดี นักเขียนเจ้าของนิยายที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แล้ว แต่กลับไม่มีการตอบรับใดๆ มายังทางครอบครัวเลย
ในอีกทางหนึ่ง หลานสาวของคังคุไบอย่างภารตีออกมาเปิดเผยว่า “ผู้สร้างได้ทำให้ครอบครัวของดิฉันเสียชื่อเสียงเพราะความโลภในเรื่องเงิน มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ คุณไม่ได้ขอความยินยอมจากครอบครัวก่อนที่จะดำเนินโครงการนี้ คุณไม่ได้มาหาเราตอนเขียนหนังสือ และไม่ได้ขออนุญาตจากเราก่อนสร้างภาพยนตร์”
ภารตีกล่าวเสริมอีกว่า “ยายของฉันเคยอาศัยอยู่ในกามธิปุระ แล้วผู้หญิงทุกคนที่อาศัยอยู้ที่นั่นต้องกลายมาเป็นโสเภณีหรือ ยายของฉันรับลูกบุญธรรมจากที่นั่นมาสี่คน ลูกสาวสองคน ได้แก่ สกุลตลา รานจิต คาวี (แม่ของภารตี) และ สุชิลา เรดดี กับลูกชายอีกสองคน ได้แก่ บาบู ราวจี ชาห์ และ ราชณิขัณฑ์ ราวจี ชาห์ เราเติบโตมาจากครอบครัวนี้ แต่ตอนนี้เรากลายเป็นพวก ‘ผิดกฏหมาย’ เมื่อยายของเราผ่านกระบวนการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม ในตอนที่กฎหมายการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมที่เข้มงวดดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้”
“เราเคยเล่าเรื่องราวของยายของเราอย่างภาคภูมิใจ แต่หลังจากปล่อยตัวอย่างออกมา ผู้คนก็โทรมาบอกเราว่าเธอ (คังคุไบ) ถูกแสดงเป็นโสเภณีได้อย่างไร ยายของฉันทำงานเพื่อยกระดับชีวิตผู้ขายบริการทางเพศทั่วๆ ไปตลอดทั้งชีวิตของเธอ คนเหล่านี้ทำให้ยายของฉันเป็นอะไรไปหมดแล้ว” ภารตีกล่าว
ที่มา:
