ไม่พบผลการค้นหา
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (24 มี.ค.) ว่า ตนจะรู้สึกว่าตัวเอง “โชคดีมาก” หากอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งที่สองกับตัวเอง ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งหน้าของปี 2567 ที่กำลังจะมาถึง

คำกล่าวในครั้งนี้ของไบเดนเกิดขึ้นหลังจากที่พรรคเดโมแครตกำลังพบกับช่วงวิกฤตที่มีคะแนนนิยมตกต่ำมากที่สุด ในขณะที่ทรัมป์เองเริ่มส่งสัญญาณชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ว่า ตนจะลงท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากผู้ท้าชิงของพรรครีพับลิกันอีกครั้งในปี 2567

“ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ผมจะโชคดีมากถ้าผมได้ชายคนเดียวกันนี้ที่จะลงมาแข่งกันกับผม” ไบเดนกล่าวในที่แถลงข่าวของที่ศูนย์บัญชาการใหญ่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีกำหนดการเยือนเพื่อหารือกับชาติยุโรปในวิกฤตสงครามยุโรปตลอดปลายสัปดาห์นี้

ก่อนหน้านี้ ในปี 2563 ไบเดนชนะทรัมป์และคว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ ด้วยคะแนนดิบ 4% และคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งจำนวน 74 คะแนน หลังจากที่ทรัมป์ได้เอาชนะการเลือกตั้งในปี 2559 จาก ฮิลลารี คลินตัน อดีตผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตด้วยคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 77 คะแนน แต่ทรัมป์กลับมีคะแนนดิบต่ำกว่าคลินตัน 2%

คำตอบของไบเดนในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้สื่อข่าวสอบถามไบเดนว่า “มันมีความกังวลไปทั่วทั้งยุโรปว่าผู้นำอย่างคนก่อนหน้าท่านอาจจะได้รับเลือกกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง” ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่าง NATO ตลอดจนชาติสหภาพยุโรปตกต่ำลงอย่างมากในยุคสมัยของทรัมป์ ก่อนที่ไบเดนจะระบุในการแถลงครั้งนี้ว่า  “NATO ไม่เคยแน่นแฟ้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมามากเท่าวันนี้” ตอกย้ำการกลับมามีบทบาทของสหรัฐฯ ในภูมิภาคยุโรปภายใต้รัฐบาลของตนอีกครั้ง

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามไบเดนว่ามันมี “ขั้นตอนอะไร อะไรก็ได้ที่คุณพยายาม และ NATO พยายาม” ที่จะขัดขวางไม่ให้ทรัมป์ล้มเลิกความคิดริเริ่มของการเป็นพันธมิตรกันระหว่างสหรัฐฯ และยุโรปหรือไม่ ก่อนที่ไบเดนจะตอบว่า ตนได้เปลี่ยนการตัดสินใจมาลงท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีหลังเห็นภาพของกลุ่มนีโอนาซีในสหรัฐฯ ที่ชาร์ล็อตวิลล์ “สุภาพบุรุษที่คุณเอ่ยถึงเคยถูกถามว่าเขาคิดเช่นไร และเขาตอบว่ามันมีคนดีอยู่ทั้งสองฝั่ง และนั่นคือตอนที่ผมตัดสินใจว่าผมจะไม่เงียบต่อไป”

“ผมบอกไปว่า อเมริกากลับมาแล้ว” ไบเดนกล่าวถึงคำพูดของตนในที่ประชุม NATO กับผู้นำรัฐสมาชิกอื่นๆ เพื่อย้ำถึงการกลับมามีบทบาทบนเวทีโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรปตะวันตกที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน “และหนึ่งในเพื่อนของผม ประมุขของรัฐหนึ่งได้ถามผมว่า ‘แล้วจะอีกนานแค่ไหน’” ไบเดนระบุ “ดังนั้น ผมจะไม่วิจารณ์ที่คุณถามคำถามนี้กับผม” ไบเดนระบุกับผู้สื่อข่าวถึงการถามเรื่องโอกาสของการกลับมาท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ในอนาคต

หลังจากแพ้เลือกตั้งในปี 2563 ทรัมป์ได้กล่าวอ้างอย่างผิดๆ มาตลอดว่าตนเองถูกโกงการเลือกตั้ง และพยายามกล่าวว่าตนจะกลับมาลงสมัครท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้งในอนาคต นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีท่าทีที่เป็นมิตรกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ผู้สั่งการให้มีการรุกรานยูเครนเกิดขึ้น โดยทรัมป์ได้เคยให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ว่า สงครามในยูเครนจะไม่เกิดขึ้นเลย หากเขายังคงเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อยู่

ที่มา:

https://www.cnbc.com/2022/03/24/biden-says-hed-be-fortunate-to-face-trump-in-2024-presidential-election.html

https://www.businessinsider.com/trump-statement-ukraine-crisis-would-never-have-happened-if-president-2022-2