ไม่พบผลการค้นหา
ม็อบ #พร้อม2 "บก.ลายจุด" นำประชาชนเดินขบวน เรียกร้อง สว. ฟังเสียงประชาชน ชี้ การกระทำ สว. เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 จ่อเสนอ 'ประธานรัฐสภา' ร่วมหาทางออกวิกฤตการเมือง

วันนี้ (29 ก.ค. 66) เวลา 17.00 น. สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนอนวันอาทิตย์สีแดง เผยว่า วันนี้เป็นกิจกรรมประท้วงสภาชิกวุฒิสภา (สว.) ตามเป้าหมายที่ยังต้องการสื่อสารถึง สว. ที่เป็นผลผลิตของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เหมือนลูกศิษย์ คสช. เราอยู่ยุคการเลือกตั้งระบบประชาธิปไตย 2 เดือนกว่า ยังไม่มีตัวแทนมาทำหน้าที่บริหารได้ สว. ขัดขวางตัวแทนประชาธิปไตย มีความพยายามในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่สอดคล้องกับแนวทางประชาธิปไตย และการพูดคุยกับประชาชน

ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ประชาชนกลับมาสนใจหลักการประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญแก้ไขปัญหา ในมาตรา 3 อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ สว. ไม่มีสิทธิ ตาม ม.3 หากเป็นไปได้ในสัปดาห์หน้า จะเสนอ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา เสนอศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา

ส่วนที่มีมีคนพูดว่ารอ 10 เดือนนั้น ความเห็นตนไม่จริง ใช้กระบวนการรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 วรรค 2 เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทำการนั้นหรือวินิจฉัยกรณีนั้น ไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้เสนอทำเนียบการปกครอง โดยใช้สภาผู้แทนราษฎร ขอให้รอการดำเนินการดังกล่าว หากพรรคเพื่อไทยออกจาก 8 พรรคร่วม จะทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างแน่นอน ถ้าตนเองแพ้ จะยกเลิกม็อบทันที หากการกระทำ สว. เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขอให้กลับมาพิจารณา ให้ยึดในแนวทางของประชาธิปไตย

อย่างไรก็ตาม กรณีการนำรูปหมอชลน่านมาเหยียบย่ำนั้น ตนอยากขอโทษ และไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด แต่คำมั่นสัญญาของเพื่อไทย ตนเลือกพรรคเพื่อไทย ขอให้เพื่อไทยยืนหยัดตามพันธสัญญา ส่วนการกลับมาของนายทักษิณ ตนอยากให้กลับมา ถือเป็นคู่ขัดแย้งและคู่ต่อสู้ ถ้ากลับมา นายทักษิณจะให้คำปรึกษากับฝ่ายบริหารประเทศได้ และทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ขอให้แกได้ทำงาน

เมื่อถามว่านายสมบัติเปลี่ยนจากเสื้อแดงเป็นส้มแล้วใช่หรือไม่ นายสมบัติกล่าวว่าตนเสื้อแดงไม่มีเปลี่ยน เรียกว่าตนยึดหลักการประชาธิปไตยดีกว่า

เมื่อถามว่ามีอะไรจะฝากถึงคนที่เชียร์เพื่อไทย อยากให้จัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ไม่ว่าจะจับกับใคร นายสมบัติกล่าวว่า ตนก็เชียร์เพื่อไทย ผมคือหนึ่งเสียงจองพรรคเพื่อไทย อยากให้พรรคเพื่อไทยยึดในหลักการประชาธิปไตยให้มั่น ขอให้เชื่อมั่นในหลักการแล้วประชาชนจะเชื่อมั่นท่าน เราเดินไปด้วยกันในการพัฒนาการเมืองในแนวทางประชาธิปไตย

เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับกระแสการดีลในตอนนี้ นายสมบัติกล่าวว่า สาเหตุคงจะมาจากเรื่อง สว. ทำให้เกิดการไขว้เขว ผมจึงอยากมาเตือนสติ ว่าอย่าไขว้เขวกลับมาใช้แนวทางรัฐธรรมนูญ

สมบัติกล่าวว่า การชุมนุมในวันนี้ต้องการสื่อสารไปที่ประชาชนเป็นอันดับแรกว่า เราในฐานะเจ้าของของอำนาจอธิปไตย เราออกมาเลือกตั้งกันอย่างถล่มทลาย สามารถรวบรวมเสียงได้ 312 เสียง ซึ่งเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา แต่ สว. ซึ่งถูกแต่งตั้งโดย คสช. และเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรี โหวตสวนตัวแทนที่มาจากสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 3 สว. มีสิทธิ์ยกมือแต่ไม่มีสิทธิขัดรัฐธรรมนูญ

ตนเห็นว่าแนวทางที่จะแก้วิกฤตในตอนนี้ ต้องใช้แนวทางหลักการประชาธิปไตย และใช้รัฐธรรมนูญในการผลักดันออกไป ไม่ใช่การแยกขั้ว จับมือกับขั้วตรงข้าม นอกจากมาตรา 3 ยังมีในเรื่องของมาตรา 5 วรรค 2 ตนขอเรียกร้องให้คณาจารย์แต่ละมหาวิทยาลัย คณะนิติศาสตร์ ออกมาใช้แนวทางทางกฎหมายในการฝ่าวิกฤต ตนเข้าใจว่าการเมืองมัวแต่คิดเรื่องสูตรและเจรจาต่อรอง แต่สิ่งที่ประชาชนอจากเห็นจริง ๆ คือ อยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยจัดตั้งรัฐบาลของฝ่ายประชาชนให้ได้ นั่นคือการใช้แนวทางทางหลักการ

เช่นนั้นตนจึงอยากพบนายวันมูหะหมัดนอ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อขออธิบายให้ฟัง เพื่อทำให้เห็นว่าการกระทำของ สว. เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมนั้น ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 2 และ 3 และขอให้ประธานสภา ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า การกระทำดังกล่าวเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองประชาธิปไตยหรือไม่ ถ้าเป็นจริงก็ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งการให้ สว. ยุติการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์นั้น เพื่อให้กระการประชาธิปไตยสามารถเดินหน้าได้

ส่วนจะต้องเข้าชื่อ สส. เพื่อให้มีการเสนอชื่อหรือไม่นั้น นายสมบัติกล่าวว่า ยังคงเป็นปัญหาอยู่ ว่าจะใช้กลไกไหน แต่ถ้าโหวตในรัฐสภาก็อาจจะแพ้อีก ดังนั้นเรื่องนี้ต้องหาช่องทางว่าสภาผู้แทนราษฏรจะหาช่องทางได้หรือไม่ แต่อย่างน้อยต้องเริ่มคุยเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้น สว. จะใช้ตัวเลขรวมกับฝ่ายค้านจนเกินกึ่งหนึ่ง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องทางหลักการควรจะหาช่องทางที่จะเสนอไป

สมบัติกล่าวว่า สว. ทำหน้าที่ถูกต้องแล้ว แต่จะทำเกินหน้าที่ไม่ได้ ประเด็นที่ตนจะชี้คือการกระทำดังกล่าวของ สว. ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3