ไม่พบผลการค้นหา
“จ่าหลอย เฮนรี่” นักร้องลูกทุ่งเพื่อชีวิต เจ้าของเสียงร้องเพลงดังอมตะ “น้ำตามดแดง” ดีใจเพลง “ปราณี” ที่ถูกลืมไปนานถึง 2 ทศวรรษ กลับมาได้รับความนิยมในปัจจุบัน ขอบคุณรุ่นลูกช่วยทำความฝันให้เป็นความจริง

ย้อนกลับไปกว่า 20 ปี เพลงที่งานบุญ งานบวช งานแต่ง สถานบันเทิง ร้านรวงเพื่อชีวิตเปิดสร้างความบันเทิงผู้ต้องมีเพลง “น้ำตามดแดง” ของ “จ่าหลอย เฮนรี่” นักร้องลูกทุ่งเพื่อชีวิตชื่อดังในอดีตอยู่ในลิสต์

จ่าหลอย เฮนรี่ มีชื่อจริงว่า ด.ต.ยุทธนา แสนสวาสดิ์ ปัจจุบันอายุเข้าสู่เลข 5 เป็นตำรวจสื่อสาร ตำแหน่ง ผบ.หมู่งานสังกัดกองตำรวจสื่อสาร 4 ขอนแก่น แม้มีหน้าที่และภาระต้องดูแลประชาชน แต่ก็ไม่เคยทิ้งหน้าที่มอบความสุขผ่านเสียงเพลงตามปณิธานที่มุ่งมั่นสร้างงานเพื่อปลูกฝังให้ “ลูกอีสาน” สำนึกรักบ้านเกิด ให้แง่คิด ให้กำลังใจ กับท่วงทำนองดนตรีที่ประยุกต์มาจากหมอลำ

“ผมว่าทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่รุ่นลุง รุ่นป้า รุ่นพ่อ แล้วก็มาถึงยุคสมัยนี้ก็ยังมีวัฏจักรที่ต้อง พอเรียนจบ ก็ต้องเข้ากรุงเทพฯ ไปตามฝัน แต่ก็ไม่สำเร็จทุกคนเสมอไป เรากลับมาบ้านได้ มาสร้างตัวเองได้ มีไอเดียตรงนี้มันเกิดจากความรู้สึกที่เราเห็น มีเพื่อนคนหนึ่งเรียนจบสูง แต่กลับมาทำนา ก็มีความสุข ความสุขของคนเรามันมีแค่นี้ คือหลายๆ อย่างที่เราเก็บมาเพื่อจะนำมาใส่ในแต่ละเพลง เป็นแนวคิด แฝงเข้าไปในบทเพลงของเรา” 

“ตอนเพลงน้ำตามดแดงดังมากๆ มีงานเดินสายเล่นคอนเสิร์ตวันละ 3-4 งาน เป็นอย่างนี้ทุกวันอยู่ 5-6 ปี” จ่าหลอยยอมรับว่า เขาประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของมหาชนกับเพลงน้ำตามดแดง และมีเพลงแท็กซี่มิเตอร์, หัวชิงไค, เกิบลอยน้ำ ช่วยเรียกคะแนนความนิยม แต่ในขณะเดียวกันเพลงปราณี ที่เขามั่นใจว่าจะเป็นพระเอกกับกลายเป็นเพลงที่ถูกลืม” 

จ่าหลอย บอกว่า เพลงที่กล่าวมาข้างต้น แต่งตอนประสบอุบัติเหตุไปไหนไม่ได้ นำทำนองเพลงลำเพลินของครูบาอาจารย์อย่าง ทองมี มาลัย เช่นเพลงชมรมแท็กซี่ มาประยุกต์กับสไตล์ของตัวเอง เล่นกีต้าร์ลดสกิลให้ช้าลง กลายเป็นที่มาของเพลงลูกทุ่งเพื่อชีวิต เพราะว่านักจัดรายการสมัยนั้นเขาแยกลูกทุ่งก็เปิดแต่ลูกทุ่ง เพื่อชีวิตก็เปิดแต่เพื่อชีวิต แต่ทั้งสองแบบเปิดเพลงน้ำตามดแดงหมดเลย กลายเป็นสองแรงกระเพื่อมมีการจับมาหลอมรวมกันเป็นลูกทุ่งเพื่อชีวิต ซึ่งฐานผู้ฟังส่วนใหญ่ก็คอเดียวกัน 

จ่าหลอย เชื่อว่าที่เขาได้รับความนิยมเพราะแนวเพลงไม่เหมือนใคร ยุคนั้นมีสตริง ลูกกรุง ลูกทุ่ง เริ่มซบเซา คล้ายๆ ฟองสบู่จะแตก แต่ผลงานของตนมันฉีก อัลบั้มชุดแรกมีเพลงน้ำตามดแดง ปราณี แท็กซี่มิเตอร์ และเกิบลอยน้ำ เป็นผู้นำเหล่าทัพ ตั้งใจให้เพลงปราณีเป็นพระเอก แต่ออกมาแล้วกลายเป็นพระรอง รองเพลงน้ำตามดแดง ที่ทำนองดนตรีประยุกต์มาจากลูกกรุงขึ้นแท่นเป็นพระเอก เพราะเนื้อหาเกี่ยวับความรักความอกหัก ทำให้คนเข้าถึงง่าย ติดตลาดรวดเร็ว ต้องร้องทุกวัน งานเดียวร้อง 5-6 รอบ ในขณะที่เพลงปราณีค่อยๆ ถูกลืมไป

 “โอ้ยยย ทุกข์ใจคักแหน่ คือบทเพลงนี้ยุคนั้นน่ะเป็นยุคฟองสบู่แตก เมื่อ 2540 แล้วเพลงนี้มันมาโดน โดนใจทุกคน โอ้ยย โอ้ยกันหมดเลย ก็เลยดังกว่าเพลงอื่นหมดเลย (บ้านเราเรียกหงำเนอะ) ดังกว่าเพลงปราณีหมดเลย จืดไปเลย ก็เลยกลายเป็นน้ำตามดแดง คือบทเพลงนี้มันจะมาด้วยความรู้สึกกดดัน อยากระบายออกมา โอ้ยยย อยากร้องออกมา คือทำไมเป็นอย่างนี้ เราอุตสาห์รักเขานะ ดูแลเขา แต่สุดท้ายเขาไม่เลือกเรา โอ้ยย อะไรอย่างนี้”

“ด้วยความตั้งใจจริงๆ นะบทเพลงปราณีนี่ มันก็คือจะเป็นเหมือนพระเอกรอง เวลาพระเอกตัวจริงก็คือน้ำตามดแดง ไปที่ไหนก็จะเจอแต่พระเอกตัวจริง พระเอกรองเราก็อยู่อย่างนี้แหละ ปราณี แต่คนก็ชอบนะ ก็ร้องทุกเวที ร้องตลอด แต่เสียงปรบมือจะน้อย น้อยกว่าน้ำตามดแดง มาถึงวันนี้ก็ ก็อยากได้ยินคำว่าบทเพลงปราณี เป็นเพลงที่เพราะเพลงหนึ่ง เพราะว่าด้วยความตั้งใจจริงๆ แล้ว เพลงปราณีตั้งใจกว่าน้ำตามดแดง เพราะน้ำตามดแดงเมโลดี้จะง่าย แต่ปราณีจะมีความเป็นสตริง ร่วมสมัย พูดง่ายๆ ก็คือมีทั้งฝรั่ง มีทั้งสตริง มีทั้งหลายๆ อย่าง คอร์ดไลน์อะไรทุกอย่าง ตั้งใจมากบทเพลงนี้”

จ่าหลอย
  • จ่าหลอย เฮนรี่

เวลาล่วงเลยมานานถึง 2 ทศวรรษ ความฝันของเขาเพิ่งกลายเป็นความจริง เพลงปราณีได้รับความนิยมสมใจ เมื่อมีศิลปินรุ่นลูกนำมาคัฟเวอร์ลงยูทูบ และนักล่าฝันนำมาขับร้องประกวดจำนวนมาก จ่าหลอยบอกว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณศิลปินรุ่นลูกที่ไปขุดเอาเพลงนี้มาขับร้อง ตอนแต่งเพลงปราณี ตั้งใจทำให้เป็นเพลงที่เรียกว่าคลาสสิคมีเมโลดี้สวย ถ้าเป็นหนังก็เป็นความรักของหนุ่มสาวมีความผูกพันลึกซึ้ง คนที่ไม่ใช่นักดนตรีหรือกลุ่มคนที่ฟังเพลงเข้าถึงความหมายลึกซึ้งฟังแล้วอาจจะไม่ค่อยอิน ทำให้เขาต้องฝันค้าง 

จ่าหลอย เล่าต่อว่า ตั้งใจอยากให้เพลงปราณี เป็นความสำนึกที่ทุกคน สะท้อนความรู้สึกเวลาห่างบ้านคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงเพื่อน ถ้าใครมีแฟนก็คิดถึงแฟน คิดถึงหลายๆ อย่าง บรรยากาศท้องไร่ท้องนา ก็เลยตั้งตัวละครขึ้นมาว่าอะไรที่เข้าถึงคนทุกยุคทุกสมัย ก็คือความรัก ความรักที่สวยงาม 

“เวลาที่อยู่ห่างไกลกัน ความคิดฮอด คิดถึงกัน ก็เลยทำให้เกิดบทเพลงปราณี เป็นอะไรที่ ถ้าเธอได้ยินเพลงนี้ เธอจงรู้ว่าฉันยังคิดถึงเธอ แล้วก็ยังรักเธอ จะกลับไปหาเธอแน่นอน เป็นความรู้สึกลึกๆ ข้างใน แต่อธิบายไม่ค่อยเยอะ ก็ถือว่ารอๆ แล้วก็ดีใจได้เห็นวันนี้ ลูกๆ น้องๆ ทุกคนเห็นคุณค่าในศิลปะที่เราเคยตั้งใจเมื่อ 23 ปีที่แล้ว และตั้งใจมากเพลงหนึ่ง อยากให้เป็นความภูมิใจสำหรับลูกอีสาน คนคนหนึ่งที่มีความรักภูมิลำเนาบ้านเกิด ได้ส่งบทเพลงนี้ เวลาเราไปอยู่ต่างประเทศ หรือไปอยู่ที่ไหนห่างไกลบ้าน ก็ส่งบทเพลงนี้กลับมาถึงบ้าน เป็นตัวแทนว่าเรายังคิดถึงอยู่”

จ่าหลอย ทิ้งท้ายด้วยการบอกแนวทางการทำงานเพลงของเขาว่า ทุกบทเพลงที่สร้างสรรค์ออกมาจะต้องแง่คิดเป็นประโยชน์กับสังคม ตามประสบการณ์ที่ไปพบเจอมา และจากคำบอกเล่าหลายๆ อย่าง และได้จากการอ่านหนังสือ

“ผมจะมีแง่คิดในตัวตนของให้เป็นตัวตนของตัวเอง ให้กำลังใจสำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจในตัวตน สมมติว่า เอ๊ะ ทำไมเป็นคนอีสานแล้วทำไมต้องพูดภาษาไทย พูดอีสานไม่ได้เหรอ คือหลายๆ อย่าง เราต้องเป็นได้หลายๆ บทบาท ทั้งพูดไทยได้ด้วย ต้องเป็นทั้งคนอีสานด้วย เป็นให้เต็มตัว เป็นให้ภูมิใจ หมายถึงว่าถ้าลุยก็ลุยให้ ทำนงทำนา ลุยโคลนได้ มาถึงยุคนี้ก็ถือว่าได้นำความเป็นลูกอีสานมานำเสนอเยอะมาก ก็น่าภูมิใจครับ กับศิลปินรุ่นใหม่ๆ”

 “ทุกยุคทุกสมัยนะครับบทเพลงมันก็คือสื่อๆหนึ่ง ที่ทำให้เราได้ฉุกคิด ผมฟังเพลงทุกเพลง ผมจะให้เป็นครูหมด ไม่ว่าจะเป็นเพลงฝรั่งแปลก็ไม่ออกหรอก แต่มันเพราะที่เมโลดี้ เนื้อหาเราไม่รู้ แต่ว่าให้ฟังแล้วสะท้อนให้เราคิด ให้กำลังใจ เศรษฐกิจดีไม่ดี เราไม่รู้ เพลงอะไรที่มันทดแทนความรู้สึกเราได้ แล้วเราอยู่ได้ มีกำลังใจต่อสู้ชีวิต นั่นแหละ (เยี่ยม) นะครับ ทุกเพลงมีคุณค่าในตัว 3-4 นาที มันจะมีความรู้สึกที่ดี และมีพลังที่จะลุกไปต่อสู้ชีวิตต่อได้”