ไม่พบผลการค้นหา
2 กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ลาออก ให้เหตุผลบรรยากาศและระบบทำงานไม่เอื้ออำนวยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์ และอิสระ

ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นางอังคณา นีละไพจิตร และนางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชน แถลงข่าวยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชน โดยให้มีผลตั้งแต่ 9.30 น. เป็นต้นไป

นางเตือนใจ กล่าวว่า เหตุผลในการลาออกเนื่องจากบรรยากาศและระบบการทำงานไม่เอื้ออำนวยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะเหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือน แต่งานที่รับผิดชอบก็ได้มีการจัดทำแล้วเสร็จเป็นส่วนใหญ่ และหากว่ากันตามจริง กสม.ชุดปัจจุบันถือว่าพ้นจากตำแหน่งแล้ว นับแต่มี พ.ร.ป.ว่าด้วย กสม. พ.ศ. 2560 แต่ที่อยู่ก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น

การลาออกครั้งนี้ไม่ได้ทำให้องค์กรเสียหายเพราะ พ.ร.ป.ว่าด้วย กสม. พ.ศ. 2560 มาตรา 22 กำหนดให้ประธานศาลฎีกาและประธานศาลปกครองสูงสุด ตั้งคณะขึ้นมาทำหน้าที่แทนให้ครบองค์ประชุมได้ จนกว่า กสม.ชุดใหม่ที่กำลังสรรหาตามรัฐธรรมนูญปี 2560 จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ ทราบว่าคณะกรรมการสรรหากสม.ชุดใหม่ก็จะมีการสัมภาษณ์ผู้สมัคร ในวันที่ 2-3 ส.ค. หากคัดเลือกได้ครบ 4 คน จะมีการเสนอวุฒิสภาให้พิจารณาได้ คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน

นางเตือนใจ อธิบายถึงบรรยากาศที่ไม่สร้างสรรค์ในการทำงานว่า นับแต่รัฐธรรมนูญปี 2560 ใช้บังคับ และ พ.ร.ป.ว่าด้วย กสม. พ.ศ. 2560 ประกาศใช้ มีการกำหนดให้ กสม.สามารถตั้งอนุกรรมการได้ เท่าที่จำเป็น แตกต่างจากในอดีต ที่ กสม.จะต้องตั้งอนุกรรมการฯ ขึ้นมาหลากหลาย และมีผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ เข้ามาร่วมเป็นอนุกรรมการ ทำให้การทำงานเชื่อมโยงกับภาคประชาสังคมในทุกกลุ่ม ทุกภาค เมื่อมีการร้องเรียน ตรวจสอบ ลงพื้นที่ จะมีบรรยากาศในเชิงสมานฉันท์ หลายครั้งสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที

นางเตือนใจ กล่าวว่า เมื่อการกำหนดให้มีการตั้งอนุกรรมการเท่าที่จำเป็น กสม.ชุดนี้จึงตีความว่าไม่ควรมีการตั้งคณะอนุกรรมการเลย เพราะอาจขัดต่อกฎหมาย แล้วแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของ กสม.ให้เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ ทำให้หลังจากนั้นความเชื่อมโยงกับภาคประชาสังคม และเครือข่ายวิชาการต่างๆ ลดลง อย่างต่อเนื่อง เรื่องร้องเรียนก็ลดลง หลายเรื่องที่มีการร้องเรียน ซึ่งต้องผ่านคณะกรรมการกลั่นกรอง ก็จะไม่รับเป็นคำร้องเสียมากกว่า 

ทำให้คิดว่าการทำงานของ กสม.หลุดลอยจากฐานของประชาชน มากกว่าในช่วงก่อนการประกาศใช้ พ.ร.ป.กสม. พ.ศ. 2560 อีกทั้งการออกระเบียบต่างรองรับกฎหมายใหม่ก็ทำให้รู้สึกว่าการทำงานของเราไม่เป็นอิสระ ไม่เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ

ดังนั้นจึงคิดว่าแม้จะเหลือเวลาในหน้าที่อีกเพียง 3 เดือน แต่การลาออกก่อนก็จะทำให้เราได้ไปทำงานที่ตั้งใจและไปเป็นประชาชนเต็มขั้น ช่วงเวลา 3 ปี 7 เดือนที่ผ่านมา พอใจกับการทำงาน และยืนยันว่าคิดเรื่องลาออกมานานแล้ว ไม่ใช่การตัดสินใจทันทีทันใด


อังคนา.jpg

นางอังคณา กล่าวว่า เรา 2 คนไม่ใช่คนแรกที่ลาออกจาการปฏิบัติหน้าที่ กสม. ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน 2560 นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ก็ได้ลาออกด้วยเหตุคล้ายคลึงกัน คือ การบริหารงาน ไม่ได้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เอื้อต่อการปฏิบัติงาน และเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมานายชาติชาย สุทธิกลม ได้ลาออกเพื่อไปดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ท. วันนี้เราคิดว่า ไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้และการหยุดปฏิบัติหน้าที่หน้าจะเป็นประโยชน์มากกว่า

“บรรยากาศการทำงานไม่ได้สนับสนุนให้เราทำงานของเราได้ จึงต้องตัดสินใจ แต่การทำงานที่ผ่านมาถือว่าดีใจและพอใจ ได้ทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องการคุ้มครองสิทธิ แม้ว่าบางเรื่องได้รับการตอบสนองช้าจากหน่วยงานรัฐ” นางอังคณา กล่าว