ไม่พบผลการค้นหา
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ยังไม่ปรับเพิ่มการระบายน้ำ เนื่องจากยังมีน้ำเพียงแค่กว่าร้อยละ 30 ของความจุเท่านั้น จำเป็นต้องวางแผนจัดเก็บน้ำไว้ใช้ฤดูแล้งหน้า ขณะที่ระดับน้ำในคลองชัยนาท-ป่าสักยังอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ เกษตรกรไม่ต้องวิตกและไม่จำเป็นต้องเร่งเกี่ยวข้าวหนีน้ำ

ที่สำนักงานชลประทานที่ 10 จังหวัดลพบุรี นายกฤษฎา ศรีเพิ่มพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำ เนื่องจากพื้นที่ตอนบนของเขื่อนป่าสักฯ โดยเฉพาะในจังหวัดเลยและเพชรบูรณ์ปริมาณฝนลดลง ซึ่งจากการติดตามปริมาณฝนในพื้นที่ดังกล่าวค่าเฉลี่ยของฝนอยู่ที่ 0 (ศูนย์) โดยไม่มีฝนตกลงในพื้นที่รับน้ำของเขื่อนตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมา     

ขณะนี้เขื่อนป่าสักฯ มีน้ำอยู่เพียง 372.47 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือเพียงแค่ร้อยละ 38.80 ของความจุเขื่อน ซึ่งยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เขื่อนจึงยังไม่จำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบานน้ำ โดยปัจจุบันระบายน้ำเพียงแค่ 1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ทั้งนี้จำเป็นต้องวางแผนจัดเก็บน้ำไว้ใช้ฤดูแล้งหน้าเนื่องจากเหลือเวลาแค่ประมาณ 1 เดือนก็จะสิ้นสุดฤดูฝน

ขณะที่ภาพรวมของการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานชลประทานที่ 10 โดยเฉพาะในพื้นที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีการระบายน้ำเข้าสู่คลองชลประทานชัยนาท-ป่าสักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนหลายฝ่ายเริ่มเป็นห่วงโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมคลองชลประทานชัยนาท-ป่าสักในพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ นายกฤษฎายืนยันว่า ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านยังอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้น้ำยังต่ำกว่าแนวตลิ่งอยู่มาก

อีกทั้งเขื่อนเจ้าพระยา ได้มีการปรับลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาลงอย่างต่อเนื่องทำให้น้ำที่ไหลผ่านประตูน้ำมโนรมย์เข้าสู่คลองชลประทานชัยนาท-ป่าสักมีปริมาณลดลงตามไปด้วย จึงขอให้เกษตรกรอย่าได้วิตกและไม่จำเป็นต้องเร่งเกี่ยวข้าวหนีน้ำปริมาณน้ำที่ไหลผ่านยังอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ไม่ล้นตลิ่งอย่างแน่นอน