ไม่พบผลการค้นหา
‘สามารถ’ อดีตผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม แนะ ‘เศรษฐา’ นายกฯ เร่งมาตรการปราบทุจริตฉ้อโกงในภาคประชาชน หลังหลายเรื่องไม่คืบ ชี้เป็นภัยความมั่นคง เหตุเงินไหลออกนอกประเทศ จวกนโยบายเงินดิจิทัลใช้งบ 560,000 ลบ. สุดท้ายเอื้อเจ้าสัวร้านค้า 24 ชม.

วันที่ 18 ต.ค. สามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แสดงความเป็นห่วงกับการทำงานของรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการดำเนินคดีฉ้อโกง 

โดย สามารถ กล่าวว่า หลังจากผู้เสียหายในคดีฉ้อโกงได้เดินทางไปร้อง และสอบถามความคืบหน้าหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยเห็นถึงมาตราการในการปราบปรามการทุจริต และมาตราการในการช่วยเหลือประชาชนผู้เสียหายในคดีที่ถูกฉ้อโกง รวมถึงมาตราการในการที่จะแก้ปัญหาแชร์ลูกโซ่ ของรัฐบาล เศรษฐา แม้แต่น้อย  

สามารถ กล่าวอีกว่า รัฐบาลเองกลับไปให้ความสำคัญกับการแจกเงินดิจิทัล ซึ่งประโยชน์จะไปตกกับร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่  ขณะที่สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจของประเทศขณะนี้กำลังเกิด ภาวะเงินหาย เนื่องจากไม่มีเงินหมุนเวียนในระบบ  บางคดี 10 ปีแล้วผู้เสียหายยังไม่ได้เงินคืน เพราะติดเรื่องการอายัติเงิน 

ดังนั้น เชื่อว่า หากรัฐบาลต้องการคืนความยุติธรรมให้กับประชาชน ด้วยการแก้ปัญหาเรื่องกระบวนการทั้งเรื่องของโทษทางอาญาที่ต้องรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมกับเร่งรัดติดตามเงินที่ถูกฉ้อโกงกลับมาให้ได้  ประเทศไทยจะมีเงินหมุนเวียน ความมั่นคงทางเศรษฐกิจก็จะเกิดตามมาอย่างแน่นอน

สามารถ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นจุดอ่อน เพราะสุดท้ายเงินของประชาชนก็ถูกฉ้อโกงไปแล้ว มันถูกเอาออกนอกประเทศ ความมั่นคงของประเทศนั้นมันจะหายไป มันไม่ใช่เงินเฟ้อ หรือเงินฝืด แต่เป็นภาวะเงินหาย หมายความว่า กระบวนการไม่ว่าจะเป็นพนันออนไลน์ แชร์ลูกโซ่ คอรัปชั่น คนเหล่านี้ซ่อนเงินหมด

ฉะนั้นใครที่เก็บเงินไว้อยู่จะต้องเอาเงินเข้าสู่ระบบ อย่างนี้จะจัดเก็บภาษีได้ เงินมันกลับมาอยู่ในระบบแล้ว แต่วันนี้มันไม่อยู่ในระบบ การที่ท่านบอกจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินดิจิทัลที่ใช้งบจำนวน 560,000 ล้านบาท สุดท้ายเเล้วเงินเข้าเจ้าสัว เพราะในระยะ 4 กิโลเมตรนี้ที่ใช้ได้ มันมีแต่ร้านเปิด 24 ชั่วโมง

สามารถ ยังได้ฝากส่งกำลังใจไปถึงกรณีของ แทนคุณ จิตต์อิสระ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตกเป็นผู้เสียหายจากกลุ่มประสิทธิ์ เจียวก๊ก โดยมั่นใจว่าคดีนี้ แทนคุณ จะสามารถต่อสู้ได้อย่างแน่นอน  เพราะแทนคุณคือผู้เสียหายที่เดือดร้อนจากเรื่องนี้ และ คำพูดที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะจะได้รับความคุ้มครอง ใครที่ใช้สิทธิ์ไม่สุจริตมีการแจ้งความคดีก็ต้องรับโทษเรื่องการกลั่นแกล้งผู้อื่น ซึ่งมีโทษทางอาญา เรื่องนี้แทนคุณไม่ควรต้องเป็นห่วง ส่วนตัวขอเป็นกำลังใจให้