ไม่พบผลการค้นหา
'เซินเจิ้น' หลายคนคงจะนึกถึงภาพของตลาดสินค้าลอกเลียนแบบ ตลาดค้าส่งเสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่มีราคาถูกเหมาะแก่การช็อปปิงของเหล่านักช็อปทั้งหลาย แต่ในวันนี้เซินเจิ้นกลายเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยีของจีนและเป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจโตเร็วที่สุดของจีน

ปี 1978 เติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำจีนในขณะนั้นประกาศนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศจีนพร้อมๆ กับการทดลองจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้น 'เมืองเซินเจิ้น' มณฑลกวางตุ้ง เป็นเมืองแรกของจีนที่ถูกประกาศให้เป็นการเขตเศรษฐกิจพิเศษในช่วงทศวรรษ 1980 นี้ โดยในระยะเริ่มแรกเขตเศรษฐกิจดังกล่าวมีพื้นที่ 327.5 ตารางกิโมเตร โดยอยู่ในเขตเลาหู ฟูเถียน หนานชาน และ หยานเถียน ซึ่งทั้งหมดเป็นพื้นที่ที่มีอาณาเขตติดต่อกับฮ่องกง และมาเก๊าทั้งสิ้น

การปฏิรูปทางเศรษฐกิจของเติ้งเสี่ยวผิงทำให้ 'เซินเจิ้น' จากหมู่บ้านชาวประมงกลายเป็นเมืองที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่า 250 % ในช่วงกว่า 40 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เซินเจิ้นมีพื้นที่ทางเศรษฐกิจเทียบเท่ากับสิงคโปร์และฮ่องกง ด้วย GDP ในปีที่ผ่านมา มีมูลค่ามากกว่า 338,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่า 1 ล้านล้านบาท



000_APP2002030770157.jpg

(เมืองเซินเจิ้นในช่วงทศวรรษ 1990)

หลังจากการประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษ เซินเจิ้นก็เติบโตอย่างรวดเร็วจากการลงทุนทางด้านอุตสาหกรรมต่างๆ จนในช่วงทศวรรษ 1990 มีการขนานนามว่า ทุกวันจะมีตึกสูงขึ้นในเซินเจิ้นและทุก 3 วันจะมีการตัดถนนเส้นใหม่ ทั้งนี้ตามแนวทางการปฏิรูปของรัฐบาลจีน เซินเจิ้นมีพื้นที่อุตสาหกรรมขทั้งทางด้านเทคโนโลยีที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 1996 และเขตพื้นที่อุตสาหกรรมทางด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี 2001 จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจ หากเมืองแห่งนี้จะกลายมาเป็นศูนย์กลางของบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ รวมไปถึคงเป็นศูนย์กลางของเหล่าสตาร์ทอัพทางด้านเทคโนโลยีด้วย

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์อ้างรายงานของ Shenzhen Special Zone Daily ระบุว่า ในปัจจุบันเศรษฐกิจกว่าร้อยละ 40 ของการเติบโตจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งธุรกิจอินเตอร์เน็ต ไบโอเทคโนโลยี และ ธุรกิจด้านการสื่อสาร

ปัจจุบันเซินเจิ้นเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกของจีนอย่าง Tencent เจ้าของแอปพลิเคชันอย่าง Wechat ที่มีผู้ใช้กว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลก บริษัทด้านการคมนาคมสื่อสารอย่าง Huaweiและ ZTE ที่เป็นผู้วางระบบเครือข่ายการสื่อสารทั่วโลกรวมไปถึงบริษัทผู้ผลิตโดรนที่ใหญ่ที่สุดของจีนอย่าง DJI เป็นต้น ส่งผลให้เซินเจิ้นกลายมาเป็นเมืองที่มีพัฒนาการทางเทคโนโลยี และกลายมาเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีของจีนไปโดยปริยาย หรือที่เรามักได้ยินว่า เซินเจิ้น 'ซิลิคอน วัลเลย์จีน'


shenxhen.jpg

(ตึกสูงระฟ้าที่แข่งขันสร้างขึ้นทุกปี มีให้เห็นเรียงรายใน‘เซินเจิ้น’)

ทุกวันนี้เซินเจิ้นกลายเป็นเมืองที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่จำนวนมากให้เข้ามาเริ่มต้นทำธุรกิจโดยเฉพาะสตาร์ทอัพ ด้านเทคโนโลยี และทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางทางด้านเทคโนโลยีที่น่าจับตามมองแห่งหนึ่งของโลก ความสำเร็จนี้ก็เนื่องมากจากการส่งเสริมจากทั้งทางภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชนที่เป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนเงินทุนให้แก่คนรุ่นใหม่เหล่านี้ในการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีต่างๆที่ถูกคิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์และไลฟ์สไตล์ของประชากรจีน ด้วยสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเริ่มต้นในการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์และเทคโนโลยีใหม่ๆนี้ จึงทำให้เซินเจิ้นกลายเป็นเมืองที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาในเมืองแห่งนี้เป็นจำนวนมาก

ในปี 2017 มีการลงทะเบียนจัดตั้งธุรกิจกว่า 3 ล้านบริษัท หรือคิดเป็นเฉลี่ยประชากร 4 คน ต่อการจดทะเบียนธุรกิจ 1 แห่ง (ปัจจุบันเซินเจิ้นมีประชากรประมาณ 12 ล้านคน ) ขณะที่รายงานของหอการค้ายุโรปในจีนประจำปี 2018 ระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามของรายงานดังกล่าวต่างยกให้บริษัทเทคโนโลยีจากจีนเทียบเท่า หรือมีความก้าวหน้าทางนวัตกรรมสูงกว่าบริษัทเทคโนโลยีจากยุโรปทั้งสิ้น

'เซินเจิ้น' ในวันนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักของคนรุ่นใหม่จากทั่วโลกในฐานะเมืองแห่งโอกาสของผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ และกลายเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเทคโนโลยีที่สำคัญของจีนมากกว่าเมืองที่เป็นศูนย์กลางของสินค้าลอกเลียนแบบต่างๆ เฉกเช่นในอดีต

พวงพรรณ ภู่ขำ
25Article
0Video
0Blog