ไม่พบผลการค้นหา
พรรคภูมิใจไทยตั้งกระทู้สดถามผลกระทบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ด้าน รมว.ท่องเที่ยวฯ แจงไทยสูญเสียรายได้ท่องเที่ยวแล้วกว่า 12,249 ล้านบาท ย้ำมีแผนรับมือยันรัฐเยียวยาผู้ประกอบการท่องเที่ยว ด้วยมาตรการลดภาษีน้ำมันสายการบิน จัดแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำยืดชำระหนี้เงินกู้ - ดอกเบี้ย

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ ส.ส.สตูล พรรคภูมิใจไทย ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ถึงปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้ชี้แจง

โดยนายวรศิษฎ์ กล่าวว่า สถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นอกจากจะส่งผลกระทบในเรื่องของสุขภาพกายและจิตใจแล้ว ยังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบเศรษฐกิจโดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ยิ่งไปกว่านั้นส่งผลให้ผู้คนทั้งไทยและต่างประเทศเกิดความวิตกกังวลในเรื่องของการระบาดเชื้อ ไม่กล้าเดินทางออกนอกประเทศ ประกอบการทางการจีนได้มีการจำกัดบริษัทนำเที่ยวไม่ให้มีการจัดการท่องเที่ยวในต่างประเทศ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมีจำนวนลดลงอย่างน่าใจหาย 

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวของไทยเปรียบเสมือนเครื่องยนต์หลักในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ สร้างรายได้กว่า 3 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่มาจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประมาณ 2 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวเที่ยวต่างชาติ 38 ล้านคน จากนักท่องเที่ยวชาวไทย 1 ล้านคน ซึ่งจาก 38 ล้านคนนั้น เป็นชาวนักท่องเที่ยวชาวจีนประมาณ 10 ล้านคน หรือมีจำนวนมากกว่า 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้ามา ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์และมีการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัด

นายวรศิษฎ์ ระบุว่า หลังจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนาได้สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นวงกว้าง ในระยะสั้นมีนโยบายที่จะช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างไรบ้าง และในระยะยาวภาครัฐมีวิธีการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างไรและมีมาตรการใดบ้างที่เป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มใหม่ๆ เข้ามาในอนาคต รวมไปถึงมีการวางแผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอย่างไรบ้าง

รมว.ท่องเที่ยวฯ เผยไทยสูญรายได้กว่า 1.2 หมื่นล้านบาทจากไวรัสโคโรนา

ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 3 ก.พ. ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรายได้ที่สูญเสียไป 12,249 ล้านบาท เป็นภาพรวมของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เล็งเห็นถึงผลกระทบในช่วงที่นักท่องเที่ยวชะลอตัว และอาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในการยกระดับศักยภาพ และขีดความสามารถในการแข่งขันในด้านการท่องเที่ยว

โดยรัฐบาลได้เตรียมการดำเนินการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถ ให้แก่มัคคุเทศก์ ให้มีจำนวนเพียงพอ มีส่วนร่วมในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ทำความสะอาดแหล่งท่องเที่ยวให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว โดยรัฐให้งบประมาณสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ โดยขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการออกมาตราการลดภาษีน้ำมันของสายการบิน จัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และยืดระยะเวลาการชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยไปอีก 6 เดือน สำหรับผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับภาคธุรกิจการท่องเที่ยว รวมถึงลดค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินให้กับนักท่องเที่ยวตลาดใหม่ที่จะมาแทนตลาดจีน พัฒนาปรับปรุงสถานประกอบการ โดยกระทรวงการคลังจัดเตรียมงบประมาณสนับสนุนทุนดอกเบี้ยต่ำ 

นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีแผนการระยะเร่งด่วน 1 เดือนด้านการสื่อสาร โดยติดตามข้อมูลสถานการณ์และประเมินผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว ติดตามข้อมูล Social Listening กระแสเชิงบวกเชิงลบ ที่มีผลต่อภาพลักษณ์และการเดินทางมายังประเทศไทย รวมทั้งเน้นถึงการสื่อสารข้อเท็จจริงของเหตุการณ์โดยอ้างอิงตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว

นายพิพัฒน์ ยืนยันกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีแผนดำเนินงานต่อสถานการณ์ของไวรัสโคโรนาในระยะ 3 เดือน และระยะกลาง จนถึงสิ้นปี โดยจะชูจุดแข็งประเทศไทยและคนไทยให้มีน้ำใจเต็มใจบริการ ส่งเสริมการตลาดเตรียมการสำหรับตลาดที่จะกลับมาอีกครั้งหลังสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ เน้นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและวันพักในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม โดยเจาะกลุ่มตลาดเป้าหมายที่มีศักยภาพพร้อมกระตุ้นตลาดร่วมกับพันธมิตรสายการบินและบริษัทนำเที่ยว

สำหรับการวางแผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวโดยเน้นโครงสร้างความเชื่อมั่นให้มีการเดินทางการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการประชุมสัมมนาและดูงาน ดูแลสุขภาพและความปลอดภัยในระหว่างการเดินทางทั้งนี้ได้กำหนดแผนการดำเนินการแบบเจาะพื้นที่มุ่งจูงใจคนไทยที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศให้กลับมาท่องเที่ยวในประเทศเน้นส่งเสริมการเดินทางระยะใกล้ ให้ท่องเที่ยวภายในภูมิภาค กระตุ้นการท่องเที่ยวเที่ยวข้ามภาค

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: