ไม่พบผลการค้นหา
ก.ล.ต.เตือนนักนักลงทุนระวังตกหลุมถูกหลอกลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่มีการลงทุนจริง ชี้ข่าวดารานายแบบถูกจับกุมอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลและผิดอาญา

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวกรณีดารานายแบบถูกจับกุมฐานความผิดฟอกเงินจากการมีผู้ร้องเรียนเสียหายจากการลงทุนในเงินดิจิทัลนั้น อาจเป็นการหลอกลวงให้ลงทุนจนมีผู้ได้รับความเสียหาย และอาจเป็นความผิดตาม พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล หรืออาจเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งผิดกฎหมายอาญาด้วยก็ได้

อย่างไรก็ดี ก.ล.ต. จะได้ประสานงานกับตำรวจ โดยพร้อมร่วมมือเต็มที่

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ขอเตือนผู้ลงทุนหากถูกชักชวนให้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้เพียงพอ และตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ชักชวนหรือผู้ให้บริการก่อน อย่าหลงเชื่อโดยไม่ตรวจสอบ เพราะมีโอกาสเสียหายสูง 

นอกจากนี้ อาจเป็นการหลอกลวงโดยอ้างว่าเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งที่ไม่มีการลงทุนจริงก็ได้ และหากประชาชนได้รับการชักชวนหรือมีข้อสงสัย สามารถติดต่อ ก.ล.ต. ที่เบอร์ 1207 ก่อนได้

ทั้งนี้ หากประชาชนถูกชักชวนให้ลงทุนในไอซีโอหรือซื้อโทเคนดิจิทัลในช่วงนี้ ขอให้ทราบว่า ในปัจจุบันยังไม่มีผู้ออกไอซีโอรายใดได้รับการอนุญาต รวมทั้งยังไม่มีผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล ( ICO portal) ที่ได้รับการยอมรับจาก ก.ล.ต. ซึ่งในอนาคตเมื่อมีผู้ออกไอซีโอ หรือ ICO portal ที่เป็นไปตามเกณฑ์แล้ว ก.ล.ต. จะเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. ต่อไป  

ส่วนกรณีที่ถูกชักชวนให้ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลโดยมีผู้แสดงตนเป็นตัวกลาง ไม่ว่าจะในฐานะศูนย์ซื้อขาย นายหน้า หรือผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ก.ล.ต. ขอให้ผู้ลงทุนตรวจสอบรายชื่อผู้ที่ติดต่อชักชวนบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. ก่อน

ทั้งนี้ ผู้ที่สามารถประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในปัจจุบันได้ ต้องเป็นผู้ที่ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ก่อนวันที่ 14 พฤษภาคม 2561 โดยหากมายื่นขออนุญาตภายในวันที่ 14 สิงหาคม 2561 จะสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้จนกว่าจะถูกสั่งห้าม ส่วนผู้ที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหม่จะต้องได้รับใบอนุญาตก่อนจึงจะเริ่มประกอบธุรกิจได้

"กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวตำรวจกองปราบปรามได้จับกุมผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงิน โดยผู้เสียหายถูกชักชวนให้ลงทุนประกอบธุรกิจประเภท ซื้อ-ขาย สกุลเงินดิจิทัล และผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินดิจิทัลสกุลบิทคอยน์ คิดเป็นเงินไทยจำนวนกว่า 797 ล้านบาท ในชั้นนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและจะนำมาพิจารณาว่ามีการกระทำส่วนใดที่เป็นการกระทำผิดกฎหมายหลักทรัพย์หรือกฎหมายการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหรือไม่ ซึ่งหากพบว่ามีส่วนที่เกี่ยวข้อง ก.ล.ต. จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด" นายรพี กล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :